เรียนรู้ปาบึก หลังชาว จ.ฉะเชิงเทรา สนใจพายุโซนร้อนนอกฤดูลูกใหม่ของไทยในรอบ 57 ปี อย่างใกล้ชิด ด้วยแรงลมหมุน 75 กม./ชม. เคลื่อนที่อย่างช้าๆ เข้าสู่ฝั่งด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. ทำให้มีลมแรงตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ไปจนถึงปลายด้ามขวานทุกจังหวัด ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากคลื่นทะเลอ่าวไทยสูง 3-5 เมตร โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งในช่วงเย็นของวันนี้ (4 ม.ค.62) ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
พายุปาบึกเกิดขึ้นจากความกดอากาศต่ำ และมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่อ่อนกำลังลงมากกว่าทุกปี ในพื้นที่ทะเลจีนใต้ และมหาสมุทรแปซิฟิก เคลื่อนตัวผ่านช่องแหลมญวนเข้าสู่อ่าวไทย และจะขึ้นฝั่งที่บริเวณใกล้กับแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนที่จะข้ามฝั่งจากอ่าวไทยไปยัง จ.พังงา ลงสู่ทะเลอันดามันในช่วงเช้าของ วันที่ 5 ธ.ค.62
โดยความน่าเกรงขามของพายุลูกนี้ คือ การสะสมพลังงานมานานมากกว่าพายุทุกลูกที่เคยเกิดขึ้นและพัดถล่มเข้าสู่ชายฝั่งอ่าวไทย เนื่องจากเกิดขึ้นจากมหาสมุทรใหญ่และเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ เข้าสู่ฝั่ง หลังจากประเทศไทยเคยเกิดพายุขนาดใหญ่ เช่น พายุโซนร้อน “แฮร์เรียต” ที่ก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในทะเลจีนใต้ใกล้กับปลายแหลมญวน เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2505
ก่อนที่จะพัฒนาตัวมีกำลังแรงมากขึ้นเป็นพายุดีเปรสชัน เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทยทางด้านทิศตะวันออกของ จ.สงขลา และทวีกำลังแรงเพิ่มขึ้นเป็นพายุเขตร้อน หรือพายุเฮอร์ริเคน, พายุไซโคลน, พายุไต้ฝุ่น ที่เรียกชื่อไปตามแหล่งกำเนิดในแต่ละภูมิภาคของคาบสมุทรโลก พัดเข้าถล่มแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ. นครศรีธรรมราช ในเวลา 19.00 น. ของวันที่ 25 ต.ค.2505 ด้วยความเร็วลม 95 กม./ชม. ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 900 ราย
ต่อมาในวันที่ 1 พ.ย.2532 ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นลูกแรกในอ่าวไทยทางตอนใต้ คือ พายุไต้ฝุ่นเกย์ ซึ่งเป็นพายุที่มีขนาดเล็กกว่าพายุปาบึกมาก แต่มีกำลังแรงมากด้วยความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลางสูงถึง 185 กม./ชม. และขึ้นฝั่งที่บริเวณรอยต่อระหว่าง อ.ปะทิว และ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงกว่า 500 คน สูญหายกว่า 400 ราย มูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินสูงถึงกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://www.windy.com/?7.390,101.146,7
