พังงา-โวย…ภาพเขียนโบราณบนผนังถ้ำถูกทำลาย ชาวถ้ำน้ำผุดวอนกรมป่าไม้มอบให้ชุมชนดูแล
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 นายทรงยศ นาคฤทธิ์ กำนันตำบลถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา จ.พังงา นำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบภาพเขียนโบราณที่ถูกทำลาย ภายในโบราณสถานถ้ำซำ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำเล็กๆของแนวเขาทอย-เขานางหงส์ ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา จ.พังงา ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดเมืองพังงาแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น พบว่าภาพเขียนตัวยักษ์ได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดี กะเทาะผนังหินออกมาจนช่วงลำตัวเสียหาย ซึ่งชาวบ้านบางคนได้บอกว่า น่าจะเอาไปทำเครื่องรางของขลังของผู้ที่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ชาวบ้านในพื้นที่จึงเป็นห่วงว่าที่ผ่านมา มีภาพหลายภาพก็ถูกทำลายโดยคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากยังปล่อยไว้อย่างนี้โดยไม่มีหน่วยงานใดมารับผิดชอบดูแล ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ก็อาจจะถูกทำลายไปตามกาลเวลา
นายทรงยศ นาคฤทธิ์ กล่าวว่า ทางชุมชนและ อบต.ถ้ำน้ำผุด เคยมีการทำประชาคมเพื่อจะเข้ามาอนุรักษ์และบริหารจัดการ จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์โบราณสถานถ้ำซำ แต่ก็ไม่ได้รับการอนุญาตจากทางกรมป่าไม้ เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดติดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทางชุมชนจึงทำได้แค่เข้ามาทำความสะอาดปรับปรุงภูมิทัศน์เป็นครั้งคราวเท่านั้น ทั้งที่ต้องการจะทำแผงกั้นบริเวณที่มีภาพเขียนก็ไม่สามารถทำได้ จึงอยากจะขอวิงวอนให้ทางกรมป่าไม้ อนุญาตให้ชุมชนและท้องถิ่นเข้าบริหารจัดการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของชุมชน เพื่อจะได้ร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป
สำหรับถ้ำแห่งนี้มีการสันนิษฐานว่าเคยมีพระธุดงค์มาพักอาศัยอยู่ภายในถ้ำและได้เขียนภาพทางพระพุทธศาสนาและเรื่องราวต่างๆขึ้นภายในถ้ำ โดยสำนักโบราณคดีที่ 15 ได้เข้ามาขุดค้นสำรวจแล้วระบุว่า เป็นภาพศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ดูจากลักษณะลายเส้นแล้วพระรูปนี้น่าจะเป็นฝีมือช่างภาคกลางหรืออาจจะเป็นสกุลช่างในเขตภาคใต้ตอนล่างที่รู้เรื่องการเขียนภาพลายไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากคล้ายกับลายเส้นในหนังสือยุคโบราณของชาวปักษ์ใต้ในอดีต ภาพทั้งหมดบอกเล่าเรื่องราวของพระพุทธศาสนา และการใช้ชีวิตในยุคนั้น ซึ่งแสดงการแต่งกายแบบโบราณ มีภาพสัตว์ ดอกไม้ ในจิตรกรรมไทย และมีภาพคนจีนไว้หางเปียราว 3 รูป พร้อมทั้งคำอธิบายเป็นภาษาไทยที่ยังพออ่านได้บ้าง เป็นไวยากรณ์คล้ายกับภาษาไทยในปัจจุบัน นอกจากนั้นมีภาพบางชุดที่สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะคล้ายกับของแขกชวา นอกจากภาพเขียนสีแล้ว ยังมีรูปปั้นนูนต่ำพระพุทธรูปและซากเปลือกหอยทะเลโบราณ จึงสันนิษฐานได้ว่าบริเวณนี้ในอดีตอาจจะเคยเป็นถ้ำริมชายฝั่งทะเลมาก่อน
