ฉะเชิงเทรา – ส่องเก้าอี้ ว่าที่ ส.ส.แปดริ้ว สนามการเมืองที่ดูมีสีสันคึกคักสมใจคอการเมืองในการเลือกตั้งยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน 2562 ที่มีผู้อาสามาลงสมัครทั้ง 4 เขตมากมายถึง 100 คนในครั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นความหวังของใครต่อใครหลายๆ คนนั้น มีอดีต ส.ส.เก่าลงแข่งขันกันอย่างสนุกเต็มสนามถึง 3 รายที่ล้วนแต่เป็นตระกูลดังตระกูลเก๋าทางการเมืองกันอย่างถ้วนหน้า ท่ามกลางไม้ประดับที่เบ่งบานเต็มรอบขอบสนามมากมายถึง 21 คน
ว่ากันด้วยผู้สมัครที่ดูมีดีกรีรายแรกนั้นเป็นอดีต ส.ส.ประจำถิ่น ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคไทยรักษาชาติ “ฐิติมา ฉายแสง” ส.ส.เก่า 2 สมัยที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อครั้งปี 2554 ให้แก่ ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.พรรคเก่าข้ามยุค ที่ยังมีฐานคะแนนประจำตระกูลอันมั่นคงในพื้นที่มาอย่างยาวนาน ขณะที่ผู้สมัครหมายเลข 7 “ณัชพล ตันเจริญ” อดีต ส.ส.หนุ่มตระกูลดัง จากพรรคภูมิใจไทย ที่ข้ามห้วยจากเขตเลือกตั้งที่ 2 เข้ามาท้าชิงด้วยความสดใหม่
ข่าวน่าสนใจ:
งานนี้แม้สองพ่อลูก อย่าง “พิเชษฐ์ ตันเจริญ” อดีต ส.ส.และ รมช.กระทรวงพาณิชย์ จะออกแรงพยายามอย่างเข้มข้นลงพื้นที่ เข้ามาหาคะแนนช่วยลูกน้อยที่ลงในสนามมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่ด้วยความสัมพันธ์แบบแนบชิดลงลึกถึงก้นบึ้งในจิตใจผู้คนยังดูเหินห่าง ด้วยเหตุข้ามเขตมาไกล จึงอาจทำศึกช่วงชิงคะแนนสัญญาใจจากอดีต ส.ส.เจ้าเก่าตระกูลดังได้ไม่ง่ายนัก
“บุญเลิศ ไพรินทร์” อดีต สว.ฉะเชิงเทรา และส.ส.เก่า 1 สมัย ผู้สมัครหมายเลข 9 จากพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้จะเคยได้ชัยชนะแบบพลิกคว่ำอดีต ส.ส.เจ้าถิ่นตระกูลดังมาได้แล้วหนึ่งสมัยก็ตาม แต่ยังคงมีปัจจัยประกอบรอบด้านที่แปรผันไปตามกาลเวลา ทั้งการย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีฐานคะแนนดั้งเดิมเกินกว่าครึ่ง ทั้งปัจจัยทางความสัมพันธ์แนบชิดที่ดูเหินห่างไปจากพื้นที่ จึงยิ่งทำให้ดูอ่อนล้าไปตามกาลเวลานั้น อาจพลาดท่าให้แก่ผู้มีฐานคะแนนประจำตระกูลอย่างมั่นคงได้
ขณะผู้สมัครหมายเลข 6 “วัชระ ปิ่นเจริญ” หนุ่มหน้าใหม่มาดนักบิน และเจ้าของธุรกิจอสังหาฯ ที่เริ่มสนใจฝักใฝ่มาทางการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก้าวเข้ามาให้ดูมีสีสันที่น่าสนใจ แต่งานใหญ่ระดับช้างสารเข้างาฟัดเหวี่ยงกันก็อาจยากที่จะตีตื้นเข้าถึงฝั่งเส้นชัยได้ไม่ง่ายนัก แม้จะมีฐานคะแนนจากพรรคช่วยหนุนอยู่มากก็ตาม แต่การบ้านที่ต้องทำคือการสะสมแต้มคะแนนที่อาจต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมากยิ่งขึ้นกว่าในปัจจุบัน
สนามเลือกตั้งเขต 2 เส้นทางการแก่งแย่งแข่งขันชิงฐานมวลชน ของกลุ่มผู้คนที่เติบโตมาจากสายการเมืองท้องถิ่นโดยตรง ที่มี“สมชัย อัศวชัยโสภณ” ผู้สมัครหมายเลข 10 จากพรรคเพื่อไทย อดีตนายก อบจ.หลายสมัย ที่ไต่ระดับขึ้นมาเล่นการเมืองระดับชาติจนได้รับเลือกตั้งให้เป็นอดีต ส.ส.เจ้าถิ่น 2 สมัยที่งานนี้อาจไปได้ไกลจนถึงฝั่ง
ขณะคู่แข่ง คือ “ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์” หรือ “สจ.ต้อย” ผู้สมัครหมายเลข 4 จากพรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.อบจ.ที่ข้ามรุ่นเข้ามาเล่นการเมืองในสนามใหญ่ หลังจากได้ใจที่เคยผ่านผลโหวตได้คะแนนเฉือนเอาชนะ “สมชัย อัศวชัยโสภณ” จากการเลือกตั้งในสนามทดลอง “ดันทุรังเลือกตั้ง” ของรัฐบาลในยุคนั้นเมื่อช่วงต้นปี 2557 แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นโมฆะ
โดยมีแรงหนุนมาจาก “กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์” นายก อบจ.คนปัจจุบัน ผู้เป็นบิดาที่หมั่นสั่งสมพลังสร้างฐานคะแนนทางการเมืองในพื้นที่มาอย่างยาวนานจนเป็นที่หวาดผวาหวั่นเกรงของเหล่านักการเมืองน้อยใหญ่ไปตามกัน แต่ถึงแม้ผู้เป็นบิดาจะพยายามผลักดันปลุกปั้นให้เป็นดาวดวงใหม่ แต่การใส่ใจลงพื้นที่ในตัวผู้สมัครเองนั้นยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าถึงยึดมั่นในจิตใจคน ฉะนั้นการเลือกตั้งสนามนี้ อดีต ส.ส.ใหญ่เจ้าถิ่นจึงอาจมีชัยคว้าเก้าอี้ตัวใหญ่ไปครองได้อย่างไม่ยากนัก
เขตเลือกตั้งที่ 3 สนามหินถิ่น “ตันเจริญ” ที่ยากสำหรับใครๆ จะเจาะผ่านเข้าได้ แต่คนสู้ศึกในสนามนั้น กลับกลายเป็นพี่น้องร่วมท้องทางการเมืองที่เข้ามาหักหั่นกันเองให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยมีผู้สมัครหน้าเก่าอย่าง “สุชาติ ตันเจริญ” อดีต ส.ส.8 สมัย ผู้ท้าทายดินฟ้าสู้ศึกได้ทุกกาลเวลาแม้พรรคจะแปลเปลี่ยนไปใหญ่น้อยลดลงสักเพียงใด ก็ยังคงฝ่าฟันเป็นผู้ชนะมาได้อยู่เนืองๆ ในการลงสมัครครั้งนี้ได้หมายเลข 5 ในนามพรรคพลังประชารัฐ
แม้การสู้ศึกในครั้งนี้อาจเป็นเพียงแค่สงครามริมรั้วที่มี “รส มะลิผล” อดีต สว.ฉะเชิงเทรา เมื่ออดีตกาล และ ส.ส.เขต 3 ฉะเชิงเทราสมัยที่ผ่านมา ผู้สมัครหมายเลข 12 จากพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้มาลงแข่งด้วย แม้ผู้เป็นพี่เขยรายนี้จะมีทุนรอนสั่งสมติดตัวมาอย่างเนืองๆ แต่การย้ายพรรคออกจากเพื่อไทย ก็อาจส่งผลต่อผู้คนส่วนใหญ่ในอาณาเขตนี้ ซึ่งเดิมทีเป็นคนอีสานผลัดถิ่นอพยพย้ายข้ามพื้นที่มาตั้งถิ่นฐานทำกิน จึงอาจเสียฐานคะแนนทิ้งไปแบบฟรีๆ ให้แก่ผู้สมัครรายย่อย การเลือกตั้งครั้งนี้จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลง
เขตเลือกตั้งที่ 4 คนดังสองตระกูลชนกัน โดยมี “วุฒิพงศ์ ฉายแสง” อดีต ส.ส.เจ้าถิ่นหลายสมัย ที่มีดีกรีเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ผู้สมัครหมายเลข 6 จากพรรคไทยรักษาชาติ ลงแข่งขันในสนามสู้ศึกชนปะทะกับ “พิทักษ์ จารุสมบัติ” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ายค่ายมาซบอกพรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครหมายเลข 4
แม้ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ จะเสียคะแนนฐานดั้งเดิมจากพรรคเก่าไป แต่กลับได้ของใหม่คืนเข้ามารวมเป็นกลุ่มก้อน หลังเกิดการผสมสายสัมพันธ์ทางการเมืองกันเข้ากับกำนันคนดังในพื้นที่ อ.แปลงยาว ผ่านทางสายเลือดของบุตรสาว ที่ช่วยไปผูกดองเป็นหนึ่งเดียวรวมเข้าด้วยกัน จึงยิ่งทำให้ดูดีมีฐานคะแนนเสียงที่เข้มแข็งมากไปกว่าเก่า ประกอบพลังดั้งเดิมของคน “จารุสมบัติ” ที่หว่านบารมีไว้จนเต็มพื้นที่การเลือกตั้งครั้งนี้จึงอาจได้ชัยมาอย่างไม่ยากเย็น
แม้ศึกช่วงชิงพื้นที่การเมืองทั้ง 4 เขต จ.ฉะเชิงเทราในครั้งนี้ จะมีผู้มากด้วยพลัง เบ่งบานด้วยบารมี ทั้งเก่าและใหม่มาลงสมัคร แต่ในสนามจริงนั้นยังคงมีผู้สมัครน้อยใหญ่อย่างมากมายถึง 100 ราย ที่อาจเป็นตัวแปรเปลี่ยนฐาน แปลงคะแนนให้พลิกผัน ตัดทั้งราก ถอนทั้งโคน ให้หดหายไปได้ด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงถือเป็นการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องเฝ้าจับตา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: