นครพนม -วันที่ 18 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติม จากกรณีนายสถิต อินราช หรืออดีตพระสถิต อายุ 30 ปี พระลูกวัดหนองกก ต.สิรินธร อ.สิรินธร จ.อุบลฯ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจ้วงแทงรวม 12 แผล พระทองพูน เรืองศักดิ์ อายุ 57 ปี ภูมิลำเนาอยู่ จ.มหาสารคาม ในเต็นท์ที่ใช้สำหรับพักผ่อน ภายในศาลาพระธรรมราชานุวัตร(แก้ว กฺนโตภาสเถร) ใกล้กับเมรุเผาศพ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ช่วงงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ระหว่างวันที่ 12-20 ก.พ.62 และพระทองพูนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด ร.ต.อ.ธีรพงษ์ ท่าโทม เจ้าของคดี นำตัวนายสถิตออกจากห้องควบคุม เพื่อสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ต้องหาเปิดปากสารภาพอย่างหมดเปลือก ว่า ตนเองพื้นเพเป็นคน อ.บุณฑริก จ.อุบลฯ รู้จักกับพระผู้ตายประมาณ 1-2 เดือนมานี้เอง จึงเป็นสหธรรมิกเดินทางแสวงบุญตามสถานที่ต่างๆ ระหว่างนั้นเองความคิดไม่ค่อยจะตรงกัน ทำให้พระทองพูนซึ่งมีอายุมากกว่า ชอบดุด่าต่อว่าตนเสมอ และเคยขู่ฆ่ามาแล้ว จึงมีเรื่องระหองระแหงตลอดเวลา เพราะต่างฝ่ายก็ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้พระทองพูนได้นำยาสั่งมาจากเขมร แอบหยอดใส่น้ำให้ตนดื่ม เพื่อหมายปลิดชีวิต จนลุกไปบิณฑบาตไม่ไหวถึง 2 วัน
ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมากราบองค์พระธาตุพนม ก็กางเต็นท์อยู่ติดกันในศาลาดังกล่าว พระทองพูนมักพูดกับพระที่มาแสวงบุญหลายรูปว่าตนเป็นคนก้าวร้าว จึงเก็บมาคิดถ้าไม่ชิงลงมือก่อน ตนอาจจะถูกพระทองพูนฆ่าตายแน่ ขณะที่พระทองพูนออกไปบิณฑบาตตอนเช้า ตนแอบไปเปิดเต็นท์ของผู้ตาย เพื่อเอามีดปลายแหลมที่พระทองพูนซุกไว้ในเต็นท์ แต่ด้วยความรีบร้อนตนดันทำปลอกมีดตกเป็นหลักฐาน พระทองพูนจึงรู้ว่ามีคนขโมยมีดของตนไป
วันเกิดเหตุพระสงฆ์ส่วนมากจะเข้าเต็นท์นอนพักผ่อน เช่นเดียวกับพระทองพูนที่นั่งอยู่ในเต็นท์ มองมาที่เต็นท์ตนเหมือนคนมีแผนอยู่ในใจ ด้วยความหวาดระแวงถ้าไม่ชิงลงมือวันนี้ วันต่อไปตนอาจจะกลายเป็นศพ จึงคว้ามีดที่ขโมยมาจากเต็นท์พระทองพูน เดินเข้าไปจ้วงแทงไม่ยั้ง และไม่รู้ว่าแทงไปกี่แผล ขณะนั้นตนหน้ามืดมองไม่เห็นอะไร จนถูกเจ้าหน้าที่บุกรวบตัวได้
เมื่อสอบถามว่าเป็นผู้ป่วยโรงพยาบาลจิตเวชหรือไม่ นายสถิตตอบไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิตเวช แต่ไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่น หมอบอกว่าตนป่วยเป็นวัณโรค ต้องกินยารักษาอย่างน้อย 6 เดือน
ด้าน ร.ต.อ.ธีรพงษ์ฯ เปิดเผยว่าการสอบสวนปากคำต้องมีทนายความมาร่วมฟังด้วย เพราะคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา อัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต จึงต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เมื่อสอบปากคำเสร็จจะนำตัวฝากขังศาลจังหวัดนครพนมทันที ซึ่งถึงขณะนี้ยังไม่มีญาติของนายสถิตมาเยี่ยมแต่อย่างใด
