สระแก้ว – เด็ก นร.สระแก้วบุกร้องนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี หลังถูกสอบสวนทั้งที่เป็นตัวแทนนักเรียนร้องเรียน ผอ.ฉาว ระบุ ยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่กลับถูกสอบสวนเหมือนผู้ต้องหาตั้งแต่ 9 โมงถึง 2 ทุ่มโดยไม่ให้ผู้ปกครองเข้ารับฟัง ทำให้หวาดกลัวและไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยมุ่งสอบหาแต่ผู้บงการ แทนที่จะหาข้อมูลผู้ที่ถูกประท้วงขับไล่ ส่อเอื้อต่อผู้กระทำผิดชัดเจน เตรียมรวมตัวอีกครั้งวันที่ 27 ก.พ.นี้
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 22 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศธร บุญสร้าง อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.3 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สระแก้ว เดินทางพร้อมผู้ปกครองและญาติ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ณ จุดบริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก กรุงเทพฯ ภายหลังเป็นแกนนำร่วมกับสภานักเรียน ศิษย์เก่า คณะครูและผู้ปกครองนักเรียนร่วมกันประท้วงขับไล่ ผอ.โรงเรียนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา 1 ชุด เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าวภายใน 15 วัน ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 ปราจีนบุรี ได้มีคำสั่งให้ ผอ.คนดังกล่าวไปปฏิบัติงานที่ สพม.7 ชั่วคราวนั้น แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการสอบสวน จึงเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
ทั้งนี้ นายพงศธร และผู้ปกครอง ระบุในหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรีว่า ข้าพเจ้าขอร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อท่านนายกรัฐมนตรี เนื่องจากวันที่ 12 ก.พ.62 ข้าพเจ้าถูกรับตัวจากโรงเรียนไปศาลากลางจังหวัดสระแก้ว เพื่อสอบข้อเท็จจริงจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงแจ้งมารดาให้ไปกับข้าพเจ้าด้วย คณะกรรมการของทางจังหวัด คณะกรรมการสอบได้สอบประวัติของข้าพเจ้าอย่างละเอียด ข้าพเจ้ารู้สึกหวาดกลัวมากเพราะคณะกรรมการสอบมีแต่ท่านผู้ใหญ่ทั้งนั้น แล้วข้าพเจ้าก็ไม่ทราบเลยว่า จะมีเด็กคนอื่นโดนแบบข้าพเจ้าอีกหรือไม่ แต่ข้าพเจ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ข่าวน่าสนใจ:
นายพงศธร บอกด้วยว่า ตนเองสงสัยว่า ทำไมคณะกรรมการของทางจังหวัด จึงจะต้องสอบหาผู้บงการทั้ง ๆ ที่การยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อท่านผู้ว่าฯ เป็นความคิดของตนเองและกลุ่มสภานักเรียน ตัวแทนศิษย์เก่า และกลุ่มผู้ปกครอง ที่เป็นผู้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ เหตุใดต้องสอบตนเองเหมือนเป็นผู้ต้องหาตั้งแต่เวลา 09.00 น.จนถึง 20.00 น.โดยประมาณแล้วคำถามที่คณะกรรมการสอบถามนั้น ไม่ใช่คำถามที่จะเอาผิดคนทำผิดหรือคนที่ถูกร้องเรียนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นคำถามที่ถามหาคนที่บงการตนเอง แบบนี้จะเป็นการสอบที่เอื้อต่อผู้กระทำผิดหรือไม่
“ตัวข้าพเจ้าได้มีผู้ปกครอง ซึ่งผู้เป็นมารดาของข้าพเจ้าเองไปด้วย เพื่อจะให้ผู้ปกครองเข้ารับฟังการสอบสวนกับตัวข้าพเจ้าด้วย เพราะตัวข้าพเจ้าเองยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่คณะกรรมการกลับไม่ให้ผู้ปกครองของข้าพเจ้าเข้าไปในห้องสอบสวนด้วย แบบนี้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม” นายพงศธร ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ภายหลังยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว นายพงศธรและญาติ ได้เดินทางไปที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เลขที่ 84/14 หมู่ 2 ถ.รังสิต-นครนายก (คลอง 7) ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม ซึ่งตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายทารุณในรูปแบบต่างๆ ทั้งเรื่องของการข่มขืน ทารุณกรรม ทำร้ายร่างกาย ถูกหลอกลวงจากขบวนการค้ามนุษย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศในหลากหลายรูปแบบ เช่น การบังคับค้าประเวณี การนำเด็กมาเร่ขอทาน แรงงานเยี่ยงทาส ปัญหาครอบครัว รวมทั้งปัญหาอื่นๆที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย โดยทางมูลนิธิฯ รับเรื่องดังกล่าวไว้เพื่อประสานงานและเข้าดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าและผู้ปกครอง เปิดเผยว่า ผลสรุปการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 15 ก.พ.62 ที่ผ่านมา พบว่า จากผลสืบเนื่องที่นักเรียนได้รวมตัวประท้วงขับไล่ ผอ.โรงเรียนในพื้นที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 5 ก.พ.62 นั้น ทางจังหวัดโดยปลัดจังหวัดสระแก้วได้เดินทางไปรับหนังสือแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว อีกทั้ง สพม.เขต 7 และ ปปช. ได้รับเรื่องร้องเรียนไปแล้ว และสัญญาว่าจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งหลายภาคส่วนได้เฝ้าจับตาดูกระบวนการนี้อย่างใกล้ชิดและมีความห่วงใยอย่างยิ่ง เนื่องจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนต่าง ๆ เหล่านี้ ในทุกหน่วยงานรับทราบแล้วว่า จะครบกำหนด 15 วันทำการในวันที่ 27 ก.พ.62 นี้
ดังนั้น ทางศิษย์เก่าและผู้ปกครองมีความประสงค์ที่จะมารวมกัน เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยและความคืบหน้าและผลของการสืบสวนสอบสวน โดยจะมีการมาแสดงน้ำใจและให้กำลังใจน้อง ๆ ที่หน้าโรงเรียน ซึ่งจะมีอาหารและเครื่องดื่มไว้รองรับ ตามแต่ศิษย์เก่ารุ่นพี่ทุก ๆ รุ่นที่รวมใจนำมาให้น้อง ๆ และผู้ปกครองที่มารอฟังข่าว โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่ 07.30 น. สภากาแฟ พี่พบน้องเรารักกัน 08.00 น.ทานอาหารเช้า ชาวเขียวเหลืองร่วมใจทานข้าวร่วมกัน หลังจากนั้น จะรอข้อมูลสรุป หากเป็นไปในทิศทางที่ดี ถือว่าเป็นงานขอบคุณ (Thank you party) แต่หากทิศทางไม่เป็นไปตามคาดการณ์จะต้องให้ทนายความร่างหนังสือและทำแถลงการณ์เป็นจดหมายเปิดผนึก ร่วมกับนายกสมาคมครู ผู้ปกครองและศิษย์เก่าฯ ส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องต่อไป
“ในการนี้จึงขอความร่วมมือร่วมใจต่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ศิษย์เก่าและผู้ปกครอง ช่วยด้านอาหารและเครื่องดื่มให้เต็มที่ตามกำลังความสามารถ เพราะการจัดกิจกรรมครั้งนี้ อาจยืดเยื้อ หากผลการสอบสวนสืบสวนไม่เป็นที่พอใจของพี่น้องชาวเขียวเหลืองของเรา ขอให้ทุกท่านช่วยประสานและเชิญชวนต่อให้ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง ให้รับทราบโดยทั่วกัน ใครมาพิมพ์ 1 เพราะจะได้เตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ในวันพุธที่ 27 ก.พ.62 พบกันโดยพร้อมเพรียงที่หน้าโรงเรียน เวลา 7.30 น. ด้วยจิตคาราวะ” แหล่งข่าวกล่าว
——————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: