นครพนม – จากกรณีปลายปี 2561 มีข่าวในสื่อโซเซียลว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nithiwat Wannasiri” ตั้งกระทู้ถามเพื่อนในเพจดังนี้ว่า “29 ธันวาคม เวลา 18:50 น. มิตรสหายที่อยู่ในไทย ช่วยตรวจสอบศพชายไม่ทราบชื่อ ถูกฆ่าผ่าท้องยัดเสาปูนขนาด1เมตรทิ้งแม่น้ำ 3 ราย ศพลอยน้ำขึ้นเกยฝั่ง ศพที่ 1 ลอยเกยฝั่ง วันพุธ 26 ธันวาคม 2018 ที่ “ท่าจำปา” ศพที่ 2 ลอยเกยฝั่ง วันพฤหัสบดี 27 ธันวาคม 2018 ที่ ต.ธาตุพนม ศพที่ 3 ลอยเกยฝั่ง วันเสาร์ 29 ธันวาคม 2018 ที่ ต.อาจสามารถ ต้องสงสัยว่าเป็นศพผู้ลี้ภัย 3 รายที่ถูกอุ้มหายเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา”
ซึ่งทั้ง 3 ศพ ที่กล่าวอ้างนั้น เชื่อกันว่าเป็นนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์(แซ่ด่าน) อายุ 77 ปี สามีของนางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือป้าน้อย อายุ 61 ปี และนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ นายไกลเดช ลือเลิศ หรือสหายกาสะลอง เป็นคนสนิทของนายสุรชัยฯ โดยทั้งสามได้ขอลี้ภัยไปอยู่ประเทศ สปป.ลาว และถูกอุ้มหายไปตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.61
กระทั่งวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาป้าน้อย เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความ เพื่อยื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.นที สิริวรวัชร์ ผกก.สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อดำเนินการสอบสวน สืบหาข้อเท็จจริงกรณีที่เพจดังกล่าวอ้างว่า มีศพแรกโผล่ที่ริมแม่น้ำโขง บ้านท่าจำปา หมู่ 1 ต.ท่าจำปา แล้วศพนั้นได้อันตธานหายไป ทำให้เชื่อว่าศพดังกล่าวอาจจะเป็นนายสุรชัยสามีของตน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านท่าจำปา หมู่ที่ 1 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน พบกับนายเด่นชัย สอนซ้าย อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 87 หมู่ 1 อาชีพทำนา และเลี้ยงปลาในกระชัง เปิดเผยว่าประมาณปลายปี 61 เวลาเย็นแต่จำวันที่ไม่ได้ ตนพบกระสอบป่านลอยปริ่มๆน้ำ ติดอยู่ข้างกระชังปลาของตน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นศพเพราะไม่มีกลิ่น จึงใช้ไม้ไผ่ลำยาวเขี่ยออกไป เมื่อศพลอยออกจากกระชังแล้ว มองเหมือนกับศพจึงให้คนไปแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) ที่มาตั้งแคมป์อยู่ใกล้ๆ
ในขณะนั้นทาง นรข. ก็ไม่คิดว่าเป็นศพคนตายเช่นกัน แต่คิดว่าในกระสอบป่านนั้นอาจจะเป็นยาเสพติด ที่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติโยนทิ้งน้ำ จึงเรียกนายกฤษดา บุญระมี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.ท่าจำปา ลงเรือหางยาวไปลากมาที่ชายฝั่ง ระหว่างที่กำลังมัดกระสอบป่านอยู่นั้น ก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะใช่ยาเสพติด อาจจะเป็นศพถูกฆ่ามาจากที่อื่นมากกว่า แต่ไม่สามารถนำศพขึ้นกลางหมู่บ้านได้ เพราะชาวบ้านกลัวว่าเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นในหมู่บ้าน จึงต้องลากศพไปไว้ที่ท้ายหมู่บ้าน หน้าป่าช้าบ้านท่าจำปาหมู่ที่ 2 ต.ท่าจำปา
นายเด่นชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เกิดมาเวลาเห็นศพลอยน้ำ ก็จะเห็นเป็นตัวคนเลยไม่ใช่แบบนี้ ด้านนายอู๊ด สุวรรณมาโจ อายุ 75 ปี ราษฎรบ้านท่าจำปาหมู่ 1 เผยว่าตามความเชื่อถ้าเป็นศพคนตายลอยน้ำมา ชาวบ้านจะไม่ยอมให้นำศพขึ้นในหมู่บ้าน จะต้องเอาไปขึ้นที่ห่างจากหมู่บ้านเท่านั้น เพราะเกรงกลัวว่าจะมีสิ่งที่ไม่ดีติดตามมาภายหลัง
ขณะที่ป้าน้อยเชื่อว่าวันที่ 26 ธ.ค.61 มีศพลอยมาติดตลิ่งบ้านท่าจำปาแล้วหายไปนั้น แหล่งข่าวยืนยันหนักแน่นว่า ศพที่พบที่บ้านสำราญเหนือหมู่ 2 ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นศพเดียวกันที่หลุดจากปมเชือกหน้าป่าช้าบ้านท่าจำปาหมู่ 2 เมื่อเย็นวันที่ 28 ธ.ค.61แล้วลอยไปติดฝั่งในวันที่ 29 ธ.ค. โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณบันไดขึ้น-ลงตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าป่าช้ามีพวงมาลัยที่ป้าน้อยมาทำพิธีบอกกล่าวต่อดวงวิญญาณที่เชื่อว่าศพนั้นเป็นสามีตน แขวนไว้ที่ศาลเจ้าที่เก่าข้างหม้อดินเผา เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยป้าน้อยภรรยาของนายสุรชัยเปิดเผยอีกว่า วันที่ 4-5 มี.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ยูเอ็นจะเดินทางมาที่ สภ.ท่าอุเทน เพื่อติดตามสอบถามว่าผลการสอบสวน มีความคืบหน้าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ได้มีตำรวจที่รู้จักได้ให้คำแนะนำว่าควรให้ไปแจ้งความที่กองปราบบังคับการปราบปราม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อรับเป็นคดีพิเศษอีกทางด้วย
ด้านพ.ต.อ.นที สิริวรวัชร์ ผกก.สภ.ท่าอุเทน กล่าวว่า กรณี นางปราณีสงสัยว่าจะมีศพที่ 3 โผล่ที่ ต.ท่าจำปานั้น เบื้องต้นในวันที่ 26 ธ.ค.2561 ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับแจ้งว่ามีการพบศพลอยน้ำมาแต่อย่างใด แต่มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งออกมาระบุว่า พบกระสอบลอยน้ำมา จึงลากเข้ามาผูกไว้ริมตลิ่งแล้วหลุดหายไป
ซึ่งอาจจะเป็นศพเดียวกันหรือไม่ที่หลุดลอยและไหลไปโผล่ในพื้นที่ บ.สำราญเหนือ ต.อาจสามารถ อ.เมือง ซึ่งตนจะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบและสอบปากคำผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ นรข.ที่ข่าวระบุว่าอยู่ในเรือขณะลากศพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว
