ชัยภูมิ – ชาวบ้านที่เดือดร้อนมานานเริ่มยิ้มออก หลังหลงเชื่อถูกกลุ่มอ้างเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน หลอกให้ชาวบ้านนับร้อยร่วมลงทุนกู้ยืมถูกเชิดเงินสูญกว่า 81 ล้านบาท!
( 27 ก.พ.62 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ จากกรณี ฉ้อโกงเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ มาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2557 – 18 มิถุนายน 2561 สถานที่เกิดเหตุ สำนักงานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองบัวแดง ,ตำบลหนองแวง ,ตำบลคูเมือง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ พนักงานสอบสวนสภ.หนองบัวแดง ได้รับคำร้องทุกข์ ดำเนินคดีมาต่อเนื่อง
ตามคดีอาญาที่ 291/2561 คดีระหว่าง นายแรม สุขขาว ผู้กล่าวหา และนางหนูคิด พลธรรม ผู้ต้องหา ข้อหา กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มีผู้เสียหายจำนวน 34 ราย ,เงินที่ถูกฉ้อโกงไป จำนวน 62,239,000 บาท(หกสิบสองล้านสองแสนสามหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) ชั้นสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องคดีอยู่ระหว่างชั้นพนักงานอัยการ
และคดีอาญาที่ 419/2561 คดีระหว่างนางมะลิวรรณ์ ตั้งทรัพย์ ผู้กล่าวหา ,นางภาวนา ศรีนวลจันทร์ ผู้ต้องหา ข้อหา กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ผู้เสียหาย 11 ราย เงินที่ถูกฉ้อโกงไป จำนวน 4,955,000 บาท(สี่ล้านเก้าแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน)ชั้นสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดภูเขียว
คดีอาญาที่ 433/2561 คดีระหว่าง กองทุนหมู่บ้านหนองประดู่ โดยนางเลิศนภา กำลังทรัพย์ไพศาล ผู้กล่าวหา และ นางหนูคิด พลธรรม ผู้ต้องหา ข้อหาลักทรัพย์นายจ้างในสถานที่ราชการ เป็นเงินที่ถูกลักไป จำนวน 288,000 บาท(สองแสนแปดหมื่นแปดพันบาทถ้วน) ชั้นสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดภูเขียว
คดีอาญาที่ 4/2562 คดีระหว่าง นายสถิต ใจลิน กับพวก 20 คน ผู้กล่าวหา นางหนูคิด พลธรรม กับพวก 8 คน ผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงประชานชน เงินที่ถูกฉ้อโกง จำนวน 14,360,000 บาท(สิบสี่ล้านสามแสนหกหมื่นบาทถ้วน) สอบสวนเสร็จสิ้นมีความเห็นสั่งฟ้อง อยู่ระหว่างส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดภูเขียว
ซึ่งคดีที่เกี่ยวเนื่องกันครั้งนี้รวมเงินที่ถูกฉ้อโกงเฉพาะผู้มาร้องทุกข์ จำนวน 81,842,000 บาท(แปดสิบเอ็ดล้านแปดแสนสี่หมื่นสองพันบาทถ้วน)
โดยพฤติการณ์แห่งคดี ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ นางหนูคิด พลธรรม ผู้ต้องหาที่ 1 ,นางภาวนา ศรีนวลจันทร์ ผู้ต้องหาที่ 2 , นางชนิกา แก้วสารภูมิ ผู้ต้องหาที่ 3 นางสาวชุมพร ผ้าผิวดี ผู้ต้องหาที่ 4 นางเพ็ญจิตร เจริญชัย ผู้ต้องหาที่ 5 นางสาวสลิลรัตน์ สีหงส์สอน ผู้ต้องหาที่ 6 นางสาวปพิชญา เกิดมงคล ผู้ต้องหาที่ 7 และ นางสาวประยูร ทุยเวียง ผู้ต้องหาที่ 8 โดยมีเจตนาทุจริต ได้หลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน โดยการโฆษณาชักชวนด้วยวาจา และแพร่ข่าวให้ปรากฏต่อประชาชนโดยทั่วไปหรือแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่านางหนูคิด พลธรรม ผู้ต้องหา ที่ 1 ซึ่งทำงานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ กับพวกต้องการกู้ยืมเงินจากบุคคลทั่วไปเพื่อนำไปลงทุนปล่อยให้ในกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ผลประโยชน์ กำไรหรือผลตอบแทนในอัตราสูง เป็นเหตุให้ผู้กล่าวหาและผู้เสียหายหลายคนหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้มอบเงินสดให้ผู้ต้องหาที่ 1-8 ไปหลายครั้งต่างวันเวลากันมาต่อเนื่อง
ซึ่งความจริงผู้ต้องหาที่ 1-8 ไม่ได้นำเงินไปลงทุนปล่อยให้กู้ยืมในกองทุนหมู่บ้านที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้ร่วมกันใช้วิธีการจัดคิวเงินโดยนำเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่ไปจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ลงทุนรายเก่า หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ และในที่สุดเมื่อไม่มีผู้ ให้ ผู้ต้องหาที่ 1-8 กู้ยืมเงินเพิ่ม หรือ ไม่มีผู้ลงทุนรายใหม่ในที่สุดต้องเลิกล้มไป ไม่สามารถจ่ายเงินต้นหรือผลประโยชน์ตอบแทนตามที่ชักชวนตกลงกันไว้แต่อย่างใด เป็นเหตุให้พยานผู้เสียหายผู้กล่าวหาได้รับความเสียหาย จึงได้ไปร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมายจนกว่าคดีถึงที่สุดต่อไป
และจากกรณีดังกล่าว ทางพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนในรูปคณะกรรมการเป็นคณะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ร่วมกระทำผิดทุกคนไม่มีเว้น เพื่อช่วยเร่งรัดไม่ให้คดีเกิดความล่าช้า โดยมีชุดพนักงานสอบสวนของจังหวัดลงไปช่วย้พิ่ม ซึ่งล่าสุดนอกจากการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวแล้วที่รวมแล้วมีผู้เสียหายเพิ่มเติมรวมอีกกว่า 80 ราย และขยายผลมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกกว่า 17 ราย ที่ทางจังหวัดจะช่วยเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
รวมทั้งขยายผลไปถึงคณะพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปง.ทำการตรวจค้นยึดอายึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาดังกล่าว ที่มีหลักฐานเกี่ยวเนื่องกับการกระทำในคดีมูลฐานดังกล่าว เพื่อนำทรัพย์สินดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่ ปปง.ดำเนินการตามกฎหมายและส่งคืนให้ผู้เสียหายอีกทางหนึ่ง ควบคู่ไปกับการดำเนินคดีอาญาไว้แล้ว
ซึ่งล่าสุดในวันนี้ทางกลุ่มชาวบ้านกว่า 40 รายในอ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ที่ได้รับทรัพย์สินที่ตำรวจชัยภูมิ ระดมกำลังช่วยกันติดตามคืนมาได้บางส่วนและเริ่มทยอยส่งมอบคืนให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายมาต่อเนื่อง จึงทำให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนครั้งนี้เกิดความประทับใจต่อการทำงานของเจ้าหน่าที่ตำรวจ ที่นำโดยพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ชัยภูมิ ที่ได้ช่วยเร่งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสังกัดตำรวจภูธรจ.ชัยภูมิ เร่งดำเนินคดีมาได้รวดเร็วต่อเนื่อง จนชาวบ้านทุกคนต่างดีใจทั้งน้ำตาจึงได้พากันเดินทางเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้ ณ ห้องประชุมใหญ่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้ขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: