สงขลา – สะเดา เกษตรกรชาวตำบลปริก ปลูกดอกมะลิขาย สร้างรายได้ตลอดทั้งปี ขายส่งราคากิโลกรัมละ 300 – 400 บาท ปลูกเพียงครั้งเดียว ดูแลบำรุงรักษาดีๆ สามารถให้ผลผลิตได้ยาวนานกว่า 10 ปี
ดอกมะลิเป็นไม้ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมเย็น เป็นตัวแทนแห่งความรักในช่วงวันแม่ ใช้ในเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงนำมาร้อยมาลัยเพื่อบูชาพระ ซึ่งการปลูกต้นมะลิสมัยก่อน มักจะปลูกไว้ที่หน้าบ้านๆละต้น 2 ต้น เพื่อความสวยงาม และไว้ดมกลิ่นหอม แต่ที่อำเภอสะเดา มีเกษตรกรรายหนึ่งปลูกต้นมะลิ เพื่อเก็บดอกขายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว มายาวนาน และกำลังขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากดอกมะลิที่เก็บได้ในแต่ละวัน ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
นายอภิชาต พัฒนวีรกุล อายุ 58 ปี อยู่ที่ 197 / 6 ม.1 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา บอกว่าได้ปลูกมะลิ มาเป็นเวลาประมาณ 6 ปี โดยตอนแรกใช้วิธีปลูกลงดิน ซึ่งการปลูกมะลินั้นนิยมปลูกต้นฤดูฝน เริ่มจากไถเตรียม ขุดหลุมลึกกว้างและยาวด้านละ 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยชีวภาพทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค และแมลง แล้วจึงนำต้นพันธุ์มะลิลงปลูก รดน้ำตอนเช้าวันละ 1 ครั้งหรืออาทิตย์ละครั้งขึ้นอยู่กับสภาพของดิน โดยอย่าให้น้ำขัง เพราะอาจทำให้รากมะลิเน่า หลังจากที่ปลูกได้ประมาณ 5-6 เดือนต้นมะลิก็จะเริ่มออกดอก และจะให้ผลผลิตเต็มที่เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไป เนื่องจากจะมีลักษณะเป็นพุ่มใหญ่
ที่สวนจะปลูกต้นมะลิลงดินประมาณ 2 ไร่ หรือประมาณ 2 พันต้น ส่วนที่ปลูกใส่ท่อซิเมนต์จะมีประมาณ 1 พันต้น ซึ่งวิธีการปลูกก็คล้ายๆกัน แต่การปลูกในท่อซิเมนต์ จะมีความสะดวกในการให้น้ำ และการกำจัดวัชพืช ซึ่งหากพบหนอนหรือแมลงกัดกินดอกมะลิ ก็จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนาโน หรือน้ำหมักฉีดพ่น หลังจากเก็บดอกมะลิเสร็จแล้ว ก็หมั่นดูแลตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยเฉลี่ยเดือนละครั้ง จะทำให้ต้นมะลิมีอายุยืนยาวสามารถให้ผลผลิตได้ 10 – 20 ปี เลยทีเดียว
ในด้านการตลาดนายอภิชาติฯบอกว่า กลุ่มลูกค้าจะมีเจ้าประจำที่ตลาดสะเดา และที่ ตลาดท่าเคียน ตลาดซีกิมหยง ใน อ.หาดใหญ่ โดยจะขายในราคาส่งกิโลกรัมละ 300 – 400 บาท ซึ่งต้องเก็บส่งทุกวัน โดยจ้างคนงานเก็บกิโลกรัมละ 100 บาท มีรายได้ต่อวันเป็นที่น่าพอใจ และในขณะนี้กำลังเพิ่มเนื้อที่ในการปลูก เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด หรือพ่อค้า แม่ค้า ที่รับไปขายต่อ
