ชัยภูมิ – ซึ่งเป็นเส้นทางหลักขาเข้าออกผ่านเขตตัวเมืองที่มักเกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้กลางสี่แยกไฟแดงในจุดนี้มาแล้วบ่อยครั้งประชาชนที่ใช้เส้นทางผ่านแยกไฟแดงในจุดนี้พึ่งช่วยกันระวังให้มากขึ้น!!!
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 2 ม.ค.61 พ.ต.ท.พิสิษฐ์ เตชะธีมาพร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน มีรถชนกันจำนวนหลายคัน บริเวณ 4 แยกโรงพยาบาลชัยภูมิราม ถนนหมายเลข 201 ขาเข้าตัวเมืองชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อม หน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง โตโยต้า แคมรี สีบรอนด์ทอง ป้ายทะเบียน ญล 3314 กรุงเทพมหานคร มี น.ส.สมจิตร ต้องเพียร อายุ 55 ปี อาศัยบ้านเลขที่145หมู่9ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เป็นเจ้าของ สพม.เขต 30 จ.ชัยภูมิ เป็นคนขับ ชนประสานงากับรถสามล้อพ่วง(สกายแล็ป) สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนพุ่งชนรถกระบะอีก 2 คัน ที่จอดติดไฟแดงอยู่ใกล้กัน โดยรถคันแรกเป็นรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนด์ทอง ป้ายทะเบียน กจ 8647 หมวดจังหวัดชัยภูมิ และ อีก 1 คัน เป็นรถกระบะ เชฟโลเลต สีบรอนด์เงิน ป้ายทะเบียน ผบ 1489 หมวดจังหวัดขอนแก่น
พบร่างคนขับสามล้อพ่วง ได้รับบาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน อาการสาหัส ศรีษะ กระโหลกเปิด ทราบต่อมา ชื่อ นาย สมาน อื้อขุนทด ชาวต.หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ ได้บาดเจ็บยังไม่ได้สติ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ ต้องเร่งให้การช่วยเหลือ ทำการปั้มหัวใจและทำ CPR พร้อมปฐมพยาบาลช่วยเหลือชีวิต ก่อนเร่งช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลชัยภูมิ อย่างเร่งด่วน
จากการสอบถามนางสาวน.ส.สมจิตร ต้องเพียร อายุ55ปี อาศัยบ้านเลขที่ 145 หมู่ 9 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เป็นเจ้าหน้าที่ของ สพม.เขต 30 ชัยภูมิ เล่าว่า ตนขับรถมาเพื่อจะมาจ่ายค้าน้ำประปาที่การประปาชัยภูมิ เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณสี่แยกไฟแดงดังกล่าว จึงได้หยุดรอสัญญาไฟ ขณะไฟเหลือจะไฟเขียวจึงได้ออกรถได้มีสามล้อแต่งพ่วงดังกล่าว วิ่งฝ่าไฟแดงมาด้วยความเร็วสูงได้พุ่งชนประสานงาอย่างจังจนร่างนาย สมาน อื้อขุนทด คนขับสามล้อกระเด็นลงไปกองกลางถนนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนรถสามล้อค้นดังกล่าวยังเสียหลักพุ่งชนเข้ากับรถอีก 2 คันที่ติดไฟแดงอยู่ฝั่งตรงขามเสียหายอีก 2 คันดังกล่าวขึ้น ที่โชคยังดีไม่มีใครในรถคันอื่นได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ด้านพ.ต.ท.พิสิษฐ์ เตชะธีมาพร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ระบุภายหลังเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า จากการสอบถามคนขับรถเก๋งเบื้องทราบว่าไม่ได้ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงแต่อย่างใด และคู่กรณีคือรถสามล้อพ่วงเป็นฝ่ายผิดที่ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงมาด้วยความเร็ว จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น ล่าสุดทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพวงจรปิดในจุดเกิดเหตุดังกล่าวอีกครั้งที่ชัดเจนเพิ่มเติม ก่อนที่จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดเหตุครั้งนี้ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: