เลขาธิการ กกต. ชี้แจงถึงประเด็นกระแสข่าวที่ว่ามีการแจกใบแดง 117 เขต ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด และเป็นเรื่องที่ไม่จริง ซึ่งการดำเนินการแจกใบแดงต้องอยู่ในอำนาจของศาลในการวินิจฉัย ซึ่ง กกต. ก็อยู่ระหว่างการสืบสวน
พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการสืบสวน ไต่สวนข้อร้องเรียนต่างๆ โดยระบุว่า กระบวนการในการไต่สวนสืบสวน ต้องส่งไปให้ กกต.ตั้งพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งใหม่ , ระงับสิทธิ์สมัคร , ให้ใบแดง หรือ ส่งฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งก็ต้องพิจารณาตามเนื้อหาหรือพยาน หลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสืบสวน ไต่สวน ฉะนั้นข้อมูลต่างๆ ที่มีธงมีการตั้งเป้าไว้ว่ามี 117 เขต ไม่เป็นความจริง
พร้อมเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้มีสำนวนทั้งสิ้น 264 เรื่อง ยุติการพิจารณาไปแล้ว 5 เรื่อง และมี 142 เรื่อง ที่สั่งรับคำร้องไปแล้ว อีก 117 เรื่อง อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะรับคำร้องหรือไม่
ส่วนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการสรุปจาก กกต.ว่าจะใช้สูตรใด ซึ่งน่าจะทราบความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ มีบัญญัติไว้แล้วในกฎหมายในรัฐธรรมนูญและ กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่ง กกต. ก็จะรวบรวมศึกษาและจะให้แจ้งให้ทราบต่อไปว่าจะใช้คำนวณแบบใด
ด้านประธาน กกต.เป็นประธานการประชุมชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง พร้อมยืนยันหลักการ ทุกคนทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.มอบนโยบายในการประชุมชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง 37 คณะ โดยประธาน กกต.กล่าวใจความตอนหนึ่งถึงการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สังคมมีความคาดหวังกับการทำงานของ กกต.เป็นอย่างมาก และต้องการทราบผลการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งอาจไม่รวดเร็วทันใจตามความคาดหวังของแต่ละท่านหรือบางภาคส่วน
แต่คณะกรรมการทุกคน ยืนยันว่า ต้องทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ถูกต้อง เพื่อความสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีแนวทางที่ว่า ต้องมีคุณภาพ มีคุณธรรม และต้องมีความรวดเร็ว ทั้งนี้อนุกรรมการทุกคนมีบทบาทสำคัญในการไต่สวนสอบสวนและมีความเห็นในสำนวน หากพบว่าสำนวนที่นำเสนอยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็สามารถที่จะส่งเรื่องให้เลขาธิการ กกต. ดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้ครบถ้วนได้
