อดีตพรานป่าอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เผย ความแตกต่าง ระหว่างอดีตกับปัจจุบันของการล่าสัตว์ จากการล่าเพื่อประทังชีวิต ชี้คนตะวันออกจะไม่ล่าเสือเพราะเป็นเจ้าป่า
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 นายดวงคำ สุรินทร์ อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 3 บ้านพบพระใต้ ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งเป็นอดีตพรานป่า กล่าวว่า เป็นพรานป่ามา 20 ปี โดยในสมัยก่อนนั้น ได้ไปล่าสัตว์ในพื้นที่อำเภอพบพระ ซึ่งยังมีสภาพเป็นป่า แต่การล่าสัตว์ในสมัยนั้น ต้องการล่าสัตว์เพื่อประทังชีวิต เช่นสัตว์จำพวกเลียงผา เก้ง กวาง และหมูป่าเป็นต้น โดยไปกันครั้งละ 3 – 4 คน เพื่อช่วยกันจับสัตว์ป่า บางครั้งไปแล้วก็ไม่ได้อะไร ได้แต่พืชผักของป่ามาเป็นอาหาร ส่วนเนื้อสัตว์ป่าที่ได้มา ก็แบ่งกันกินในหมู่ญาติพี่น้อง และเพื่อนในหมู่บ้าน
ปัจจุบันนี้ได้หยุดไปแล้ว สัตว์ป่า ก็น้อยลง อายุก็มาก มีความรู้สึกสงสาร ส่วนที่มีการกล่าวขานกันว่า คนตะวันออกจะไม่ล่าเสือนั้นเป็นความจริง เพราะว่าเสือเป็นเจ้าป่า ในสมัยที่ตนเป็นพรานป่า ก็ไม่ได้ล่าเสือ หรือสัตว์ใหญ่ เพราะสัตว์พวกนี้อยู่ในป่าลึก ไม่สามารถเข้าไปได้ และมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อยู่ด้วย
สำหรับความยากง่ายในการไปล่าสัตว์อดีตกับปัจจุบันต่างกันมาก เมื่อก่อนต้องเดินเท้าเข้าป่าหลายวัน ไม่มีอาวุธที่ทันสมัย อย่างมากก็ใช้ปืนแก๊ปหรือปืนไทยประดิษฐ์ แต่สมัยนี้มีอาวุธมากมาย และใช้รถยนต์เข้าป่าบ้าง
ส่วนกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต เจ้าสัว อิตาเลียนไทย ที่ไปล่าสัตว์ป่า ที่เขตทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกนั้น ดูจากอาวุธที่ใช้แล้ว น่าจะเป็นนักล่า ส่วนตนเองนั้น ไม่มีใจทีจะล่าเสือ ไปหากินแต่ของเล็กๆ เพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น และมีกฏว่า จะไม่ล่าเสือ กระทิง ช้าง และนกกก ขณะที่สัตว์จำพวกเสือ นั้น จะอยู่ในป่าลึก หากสัตว์จำพวกนี้อยู่ แสดงว่า พื้นที่นั้นเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: