ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุอาคารร้านไดนาโม ชื่อร้านช่างเก๋ถล่มทั้งหลัง ริมถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ ฝั่งตรงข้ามกับขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หมู่ 4 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวานนี้ทำให้นายชัยโรจน์ ธัญเลิศพัฒนกิจ อายุ 54 ปี ช่างเก๋ เสียชีวิตนั้น ส่วนเด็กหญิงริญญรัตน์ ชัยเลิศพัฒนกิจ อายุ 14 ปี นางสาวธันย์นิชา ชัยเลิศพัฒนกิจ อายุ 29 ปี นั้นได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุ โดยมีผู้ติดอยู่ในซากอาคาร 3 ราย 1. นายชัยโรจน์ ธัญเลิศพัฒนกิจ อายุ 54 ปี ช่างเก๋ (พ่อเสียชีวิต) นางสิริกาญจน์ ธัญเลิศพัฒนกิจ อายุ 52 ปี(แม่) และ น.ส.ธันยากานต์ ธัญเลิศพัฒนกิจ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจนออกมาได้และมีอาการบาดเจ็บ และถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่กลางดึกคืนที่ผ่านมานั้น (วิมล ทับคง เรื่อง/ภาพ)
วันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ พันเอก วินัย อภัยกุลชร รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 15 ได้นำกระเช้าของ พลตรี กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 เข้าเยี่ยมอาการบาดเจ็บของ น.ส.ธันยากานต์ ธัญเลิศพัฒนกิจ อายุ 31 ปี ลูกสาวคนโต และมารดา นางสิริกาญจน์ ธัญเลิศพัฒนกิจ อายุ 52 ปี ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทางผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 ได้ทราบเรื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้และได้มีความเป็นห่วง และเมื่อได้รับทราบว่ามีผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นบิดาก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ขอให้ทุกคนมีอาการที่ดีและหายโดยเร็ววัน
โดยมีนายแพทย์ศุภชัย ศุภพฤกษ์สกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล ที่ยังคงติดตามเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดของทั้ง ลูกสาว และมารดา และส่งพยาบาลจิตเวชช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของผู้บาดเจ็บและญาติเจ้ามาดูแล โดยเฉพาะลูกสาวคนโตพักฟื้นอยู่ห้องไอซียู อาการดีขึ้นตามลำดับแต่แพทย์ พยาบาล ยังต้องเฝ้าระวังค่าเลือดบางตัวที่ไม่คงที่จากอาการบอบช้ำภายในร่างกาย
ในขณะที่มารดาทางแพทย์ได้สั่งงดน้ำและอาหารเพื่อดูอาการทางสมอง ในขณะเดียวกันอาการบาดเจ็บภายนอกมีบาดแผลบวมช้ำตามร่างกายและใบหน้า ซึ่งทางแพทย์ขอความกรุณางดเยี่ยมเนื่องจากผู้ป่วย เนื่องจากให้ผู้ป่วยพักผ่อน เนื่องจากมีสภาพบอบช้ำทางจิใจร่วมด้วย โดยตอนนี้แพทย์ และพยาบาลต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
น.ส.ธันยากานต์ ธัญเลิศพัฒนกิจ ลูกสาวคนโต ได้เปิดใจเล่าเหตุการณ์ย้อนให้ฟังว่า สาเหตุหนึ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะสภาพพื้นที่รอบบ้านเป็นร่องระบายน้ำ เวลาเกิดฝนตกก็จะมีน้ำไหลเข้ามาท่วมใต้ถุนบ้าน ความจริงทางครอบครัวก็มีแผนที่จะสร้างบ้านใหม่ แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น
ช่วงก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมครอบครัว กำลังจะตั้งวงกินข้าว แต่ได้ยินเสียงดังเหมือนฟ้าร้องแต่เสียงมาจากชั้นลอยด้านบนของอาคาร ก็เลยลุกไปจังหวะที่ก้าวไปประมาณ 2-3 ก้าว ห่างจากโต๊ะทานข้าวไม่มากนัก ก็ได้ยินเสียงดังครั้งที่ 2 ครั้งนี้อาคารก็พังลงมา ตอนนั้นกอดพ่อแล้วพยามล้มตัวนอนลงให้ราบกับพื้น โดยที่พ่อพยามบังตัวเราไว้ ตอนนั้นรู้ว่าพ่อบาดเจ็บ หลังจากนั้นพ่อก็นิ่งไปตนเองก็บอกพ่อว่านอนไปเลย จากนั้นตนเองพยามหาน้องสาวว่าอยู่ตรงไหน และพูดคุยว่าทั้งสองออกไปได้หรือไม่ ตอนนั้นตนเองอยู่กับพ่อ ซึ่งก็รู้ว่าพ่อไม่ไหวแล้ว
ขณะนั้นเองน้องสาวก็ยังตะโกนเรียกแม่ และได้ยินเสียงแม่ตอบแล้ว ก็คิดว่าเจ้าหน้าที่ช่วยแม่ได้แล้ว ก็จะต้องมาช่วยตนเองต่อไป จึงนอนรอไปก่อนทั้งที่มีร่างผู้เป็นพ่อบังเอาไว้ จนกระทั่งข้างบนเสียงเงียบ จึงตะโกนขึ้นไปว่าอยู่จุดนี้ เพราะเชื่อว่าคนที่อยู่ด้านบนจะได้รับรู้ว่าติดอยู่จุดไหน ตอนนั้นจึงนอนรอความช่วยเหลือและไม่ขยับตัวมากนัก เพราะตนเองเคยดูสารคดีมาแล้วว่าหากเกิดแบบนี้ให้นอนนิ่งๆ แล้วเราจะรอด ซึ่งตนเองก็เชื่อตัวเองว่าจะต้องรอด
ถึงแม้ขณะนี้เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ นาทีที่อาคารมันทรุดลงมาก็เหลือแค่ตายกับรอด ก็นอนรอก็คิดว่าหากรอดก็ต้องทำบ้านกันใหม่ โอเคมันคงยังไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น แล้วตอนที่เรานอนตนเองก็ไม่คิดว่าติดนาน ความรู้สึกเหมือนติดเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งระหว่างที่ติดอยู่ด้านล่างได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านบนว่าเค้าทำอะไร เค้าเจาะจุดไหน เค้าวางแผนอะไรกัน เราได้ยินจึงมีความรู้สึกว่าไม่ได้นาน บอกกับตัวเองว่าถ้าได้หายใจก็ยังหายใจอยู่ต่อไป
ส่วนเด็กหญิงริญญรัตน์ ชัยเลิศพัฒนกิจ อายุ 14 ลูกสาวคนเล็กที่ออกมาได้ตั้งแต่ช่วงแรก เล่าว่าขณะเกิดเหตุตนเองอยู่บริเวณชั้นลอยได้ยินเสียงดังและอาคารพังลงไปทางด้านหลัง จึงสามารถหนีออกมาได้ ได้แจ้งกับพี่ว่าปลอดภัย และพี่สาวได้ตะโกนบอกว่าให้ตนเองออกมาก่อน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: