(7 พ.ค.62) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้รอคำวินิจฉัยและลงมติจากศาลรัฐธรรมนูญในวันพุธที่ 8 พฤษภาคมนี้ ก่อนที่จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
พร้อมกันนี้ยังได้นำรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบเขต และ บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง เพื่อให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ ว่าเข้าข่ายการถือหุ้นในกิจการสื่อหรือไม่ รวมทั้งสิ้น 10 คน ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน และพรรคพลังประชารัฐ 5 คน ในจำนวนนี้ มีนายชาญวิทย์ วิภูศิริ , นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ และ นายสาธิต ปิตุเตชะ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นอกจากนี้ ยังมองว่า การถือหุ้นในกิจการสื่อใดๆ อาจเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามความในรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่ กกต. เคยหารือไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของการคิดสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งศาลไม่รับคำร้องในการวินิจฉัย เพราะมองว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. จึงยื่นไปทางผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณานั้น
ส่วนตัวเห็นว่าการคิดคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ กฎหมายมาตรา 128 ขัดกับมาตรา 91 จึงควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จก่อนที่จะประกาศรับรอง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ หรืออีกประการคือ กกต.ต้องเร่งตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ ส.ส.ให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะประกาศรับรอง ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องเรียนคุณสมบัติว่าที่ ส.ส.เป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อได้ว่า การรับรองว่าที่ ส.ส.ไม่น่าถึงร้อยละ 95
ทั้งนี้การที่ กกต.อาจจะประกาศรับรอง ส.ส.ก่อนเพื่อให้ทันกรอบ 9 พฤษภาคม และหากตรวจสอบทีหลังพบว่ามีความผิด ก็จะเตรียมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยนั้น นายเรืองไกร เห็นว่า เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย เพราะตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ระบุชัดเจนว่า กกต.ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงการเลือกตั้ง ให้เรียบร้อยก่อนที่จะประกาศรับรอง
