อ่างทอง- ฮือฮาวัดคลาสสิค สร้างกำแพงด้วยหินศิลาแลงประดับด้วยปราสาทรอบวัด เน้นโทนสีสะอาดสงบเงียบน่าปฏิบัติธรรม แถมการันตีรางวัลห้องน้ำดีเด่นระดับจังหวัด 2 ปี ซ้อน และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์
วันที่ 13 พ.ค. ฮือฮา วัดคลาสสิคสร้าง กำแพงวัด โบสถ์ และเสาไฟฟ้า จากหินศิลาแลง ประดับด้วยปราสาทสวยงาม ทั้งวัดถูกทาสีด้วยเฉดสีขาวสลับน้ำตาลจนน่าเข้าไปพักผ่อน บรรยากาศสงบเงียบน่าปฏิบัติธรรม ที่วัดไผ่แหลมธรรมาราม หมู่ที่ 1 ตำบลราษฎรพัฒนา อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง โดยเป็นแนวคิดของ พระครูอุปถัมภ์ ธรรมรังษี เจ้าอาวาสวัด และชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ร่วมกันสร้างด้วยแรงศรัทธา ภายในวัดมีบรรยากาศที่ร่มรื่นเงียบสงบ ซุ้มประตูวัด หลังคาศาลาการเปรียญ และหลังคาศาลาที่พักถูกประดับไปด้วยกาแล ศิลปะทางภาคเหนือพร้อมด้วยรูปช้างขนาดต่าง ๆ
และยังมีของใช้สมัยโบราณที่คนรุ่นใหม่หาดูได้ยาก อาทิ เรือในสมัยโบราณ เกวียน และเครื่องฝัดข้าวสมัยโบราณ ไว้ให้ชมและศึกษา เป็นวัดเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมทุ่งนาที่ชาวบ้านในพื้นที่รู้จักเพียงเท่านั้น และทางวัดได้ใช้งบประมาณจากเงินทำบุญที่ใน 1 ปี จะมีการทำบุญใหญ่เพียง 1 ครั้ง มาบริหารใช้สอยอย่างประหยัด แถมยังได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณจากจังหวัดอ่างทอง ด้านการออกแบบห้องน้ำดีเด่น ปี 2551 – 2552 และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ (เรื่องพันท้ายนรสิงห์) ตอนชกมวยงานวัดอีกด้วย
จากการสอบถาม พระครูอุปถัมภ์ เล่าให้ฟังว่า วัดไผ่แหลมธรรมาราม เป็นวัดเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 จากความร่วมมือและจิตศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ สมัยก่อนเป็นวัดที่อยู่กลางทุ่ง ตอนหลังมีถนนตัดผ่านหน้าวัด เหตุผลที่นำหินศิลาแลงมาสร้างเป็นกำแพงวัด กำแพงโบสถ์ และเสาไฟฟ้าส่องทาง เนื่องจากไปพบเห็นมาจากทางภาคอีสาน ซึ่งทางอาตมาเห็นแล้วรู้สึกว่ามีความสงบเยือกเย็น เลยมีความคิดว่าทางวัดเป็นวัดเล็ก ๆ อยู่บ้านนอก แทนที่จะก่อสร้างให้ใหญ่โตแบบวัดอื่น ๆ ก็น่าจะเปลืองงบประมาณ และอาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่า
จึงคิดว่าวัดน่าจะมีรูปแบบเป็นวัดคลาสสิค คือ วัดจะต้องประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เรือชนิดต่าง ๆ ในสมัยโบราณ อาทิ เรือมาตร เรือแจว เรือไผ่ม้า และเรือหมู ที่คนสมัยใหม่ไม่เคยรู้จัก และสีฝัด(เครื่องฝัดข้าว) ที่นับวันจะเลือนรางจางหายไป โดยรายได้ของทางวัดมาจากการจัดงานทอดกฐินของลูกศิษย์และชาวบ้านปีละ 1 ครั้ง จึงต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ส่วนปราสาทและโคมไฟที่ประดับอยู่บนกำแพงอย่างสวยงาม มีแนวคิดว่าหลังจากสร้างกำแพงและเสาหินศิลาแลงภายในวัด จะต้องมีปราสาทนำมาประดับให้สวยงาม
ซึ่งบางคนอาจจะมองคล้ายเหมือนศาลพระภูมิ แต่มีความแตกต่างกันตรงปราสาทจะไม่มีผนัง ส่วนศาลพระภูมิจะมีผนังด้านหลัง โดยได้สั่งช่างทำขึ้นมาเป็นพิเศษนำมาทาสีตกแต่งด้วยเฉดสีขาวและน้ำตาลดูสงบเงียบ ซึ่งวัดหรืออารามแปลว่าความสงบ หรือดีใจ และประดับด้วยโคมไฟและหลอดไฟด้านใน และจะเปิดไฟในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่าง ๆ
ทำให้ผู้พบเห็นที่เดินทางเข้ามาทำบุญในวัดเห็นแล้วมีจิตใจเกิดความสงบร่มเย็น จึงเป็นความแปลกที่แรกที่เดียวในจังหวัดของวัดแห่งนี้ ซึ่งจะทำให้ญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญที่วัดมีจิตใจที่สงบและพระที่จำพรรษาอยู่ในวัดก็เกิดความสงบไปด้วย ในบรรยากาศบ้านนอกแบบท้องทุ่งที่น่าเดินทางมาปฏิบัติธรรม เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนากันต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: