ชัยภูมิ – อุทาหรณ์กล้องวงจรปิดจับภาพครูสาวขี่ จยย.มาจอดติดไฟแดงอยู่หน้ารถพ่วงบรรทุกปูนกำลังรอติดไฟแดงด้วยเช่นกัน แต่มองไม่เห็นขับพุ่งชนเหยียบ จยย.พังยับ!
เมื่อเวลา 07.15 น.วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ร.ต.อ.ศิริ จันดีศรี รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ว่ามีอุบัติเหตุ รถพ่วงบรรทุกปูนชนรถจักรยานยนต์ กลาง 4 แยกไฟแดง ถนนบายพาสเยื้องโรงพยาบาลชัยภูมิราม ถนนทางหลวงหมายเลข 201 สายชัยภูมิ-สีคิ้ว(ขาเข้าตัวเมืองชัยภูมิ) จึงเร่งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ
ในที่เกิดเหตุพบรถพ่วงบรรทุกปูนยี่ห้อฮีโน่ สีขาว-เทา ป้ายทะเบียนตัวแม่ 77-2450 หมวดจังหวัดกรุงเทพมหานคร ป้ายทะเบียนตัวลูก 77-2459 หมวดจังหวัดกรุงเทพมหานคร พุ่งชนทับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ สีดำ ป้ายทะเบียน 1 กก 3115 หมวดจังหวัดนครราชสีมา โดยมี น.ส.สิรันทโก สงสัย อายุ 22 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ที่ 8 ต.โคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลือม จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีอาชีพเป็นครูประจำอยูที่โรงเรียนโพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ นั่งร้องไห้ด้วยความตกใจอยู่บริเวณเกาะกลางถนน รอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วย
และบริเวณใกล้กันพบ นายสมบูรณ์ ชะนิดนอก อายุ 39 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 65/16 หมู่ที่ 9 ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นคนขับรถพ่วงบรรทุกปูนคันดังกล่าว ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน
สอบถามไปยังนายสมบูรณ์ ฯ เล่าว่า ตนเองขับรถบรรทุกปูนออกจากจ.สระบุรี เพื่อที่จะไปส่งที่จังหวัดอุดรธานี พอมาถึงจุดเกิดเหตุตนได้จอดติดไฟแดง และมองไม่เห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ว่าขับมาจอดอยู่หน้ารถตอนไหนเลย พอสัญญาไฟเขียวจึงขับเคลื่อนตัวรถออก จึงพบมีชาวบ้านตะโกนเรียกว่าชนรถจักรยานยนต์ ตนจึงรีบจอดก่อนวิ่งลงมาดู ก็พบว่าทับรถจักรยานยนต์เสียหายไปแล้ว โดยตนเองยอมรับว่ามองไม่เห็นจริงๆ และตนเองจอดรถติดไฟแดงอยู่ก่อนแล้ว แล้วไม่รู้ว่าจยย.คันนี้ขับมาจอดอยู่ด้านหน้ารถตนเองตอนไหนและไม่ได้เจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาเลย ถ้ามองเห็นก่อนคงไม่เกิดขึ้น
ขณะที่ทางด้าน ร.ต.อ.ศิริ จันดีศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้สอบสวนคนขับรถบรรทุกปูนคันดังกล่าวไว้เบื้องต้นแล้ว และจะได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ที่ชัดเจนอีกครั้งก่อนที่จะเรียก คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกันและชดเชยค่าเสียหายต่อไป ซึ่งฝ่ายคู่กรณีซึ่งเป็นครูยังอยู่ในอาการตกใจและเสียขวัญ ต่อเหตุการณ์เฉียดตายในครั้งนี้อยู่ ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าเคราะห์ดีที่ไม่เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต
