คุกกี้รัน จากกรณีพบโครงกระดูกสาวนิรนาม ถูกเผาทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ ใช้ไม้ปิดบังเพื่ออำพรางศพ กลางป่าละเมาะ คาดเสียชีวิตมาแล้ว 1 เดือน ที่เกิดเหตุพบสร้อย ตัวการ์ตูนคุกกี้รัน จนท.เร่งพิสูจน์
สืบจาก คุกกี้รัน ลวงเด็กสาว ฆ่า เผาอำพรางเหลือซากกระดูก ตอนที่ 1 : เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.จรูญ สังขารา สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งจากสายตรวจ ต.บ้านโพธิ์ ว่ามีชาวบ้านพบโครงกระดูกหญิงสาว บริเวณพื้นที่ ม.4 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง กลางป่าละเมาะ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ
ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง กำลังตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง แพทย์เวร รพ.ตรัง หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง รุดไปยังที่เกิดเหตุ
ถึงที่เกิดเหตุห่างจากถนนเวียงกระพัง เขตเทศบาลนครตรัง ประมาณ 800 เมตร พบโครงกระดูกถูกเผาไหม้ บริเวณใต้ต้นไม้ และนำไม้มาปิดบังศพไว้ เป็นหัวกะโหลก ฟันบนหัก 3 ซี่และพบชิ้นส่วนกระดูก กระจัดกระจาย โดยผู้เสียชีวิตสวมสร้อยคอสแตนเลส
รูปตัวการ์ตูนคุกกี้รัน คาดว่าอายุไม่เกิน 20 ปี ส่วนสูงประมาณ 160 ซ.ม. คาดว่าเสียชีวิตประมาณ 1 เดือน สันนิษฐานว่าเป็นเพศหญิง จากการชันสูตรศพไม่สามารถระบุได้ว่า เสียชีวิตจากเหตุอะไร เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมชิ้นส่วนโครงกระดูกนำไปส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และตรวจสอบว่าผู้ตายเป็นใคร นั้น
และเมื่อวันที่ 28 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 6 บ้านมาบหยี ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง เพื่อพบกับ นางสมจิตร ศรีแก้ว อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นยายของ ด.ญ.น้อย (นามสมมุติ) วัย 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนขยายโอกาสชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.นาโยง ซึ่งวานนี้ที่ผ่านมา (27 พ.ค.) หลังจากทราบข่าวว่ามีการพบโครงกระดูก
และมีหลักฐานคือสร้อยคอสแตนเลส จี้การ์ตูนคุกกี้รันนั้น ตนจึงคาดว่าเป็นหลานสาวของตนที่หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.62 ที่ผ่านมา จนกระทั่งได้เข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.นาโยง ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.62 แล้ว โดยมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าเป็นหลานสาวของตนเอง
“เนื่องจากสร้อยคอดังกล่าวที่เป็นที่ยืนยันได้แล้ว ยังมีรูปภาพที่หลานสาวแขวนจี้คุกกี้รัน และมีจี้คุกกี้รันอีกอันหนึ่งที่เล็กกว่าอยู่ที่บ้าน รวมทั้งขนาดความสูงลำตัวใกล้เคียงกัน อีกทั่งวันที่ 2 มี.ค.62 หลานสาวได้บอกว่าจะไปเที่ยวงานแข่งขันลูกลม แต่ไม่กลับบ้าน กระทั่งกลับมาบ้านเช้าวันที่ 3 มี.ค.62 โดยบอกว่าไปนอนบ้านพ่อ แต่หลังจากนั้นสืบทราบว่าไม่ได้ไปนอนบ้านผู้เป็นพ่อจริง
จนมาถึงวันที่ 4 มี.ค.62 ได้หายออกไปจากบ้านอีกครั้ง ตนเองและญาติพี่น้องจึงออกตามหา ปรากฏว่ามีชายหนุ่มที่อ้างว่าเป็นแฟนหนุ่มของหลานสาว ที่เพิ่งจะรู้จักกันขณะไปเที่ยวงานแข่งขันลูกลม และมีการแลกไลน์ เพื่อติดต่อกัน มารับไปอยู่ที่บ้านของชายที่อ้างว่าเป็นแฟนหนุ่ม ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับจุดที่พบโครงกระดูก
ตนจึงไปแจ้งความในข้อหาพรากผู้เยาว์กับชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ตนเองไปตามหากี่ครั้งก็ไม่พบ จึงได้ฝากเรื่องไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามตัว จนกระทั่งมาทราบว่ามีการพบโครงกระดูก ทำให้ตนมั่นใจว่าเป็นหลานสาวของตนแน่นอน” นางสมจิตร กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปโรงเรียนที่เด็กสาว วัย 14 ปี ศึกษาอยู่ตามคำอ้างของญาติว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ทราบว่า เป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดี นิสัยเรียบร้อย ชอบช่วยเหลืองานส่วนร่วม และเป็นที่รักของเพื่อนๆ อีกทั่งเป็นเด็กน่ารัก หุ่นดี และร่างสูง รูปร่างโตเป็นผู้ใหญ่กว่าวัย และไม่เคยมีประวัติที่กระทำผิดหรือทำเรื่องเสียหาย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.นุกูล ไกรทอง ผบก.ภ.จว.ตรัง เพื่อสอบถามถึงคดีดังกล่าว ได้ข้อมูลว่าในขณะตนเองติดราชการอยู่ที่ จ.สงขลา ในเรื่องของคดีขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันใดๆได้ทั้งสิ้นว่าเป็นหญิงสาวคนดังกล่าวหรือไม่ จะต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ คือ ดีเอ็นเอ เพียงอย่างเดียว จึงสามารถยืนยันได้จริง เนื่องจากหากไม่ใช้บุคคลคนเดียวกันจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง
แต่ทางเจ้าหน้าที่ ตร.ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทางญาติของบุคคลที่อ้างว่าเป็นหลานสาวของตนเองก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ก็ได้มีการเชิญตัวบุคคลที่ต้องสงสัยมาสอบสวนจำนวนหลายปาก หนึ่งในนั้นคือ นายกลาง (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นน้องชายต่างบิดาของ นายใหญ่ (นามสมมุติ) ที่อ้างว่าเป็นแฟนหนุ่มของเด็กสาวคนดังกล่าว ก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มีการเชื่อมโยงกัน ส่วนชายหนุ่มที่อ้างว่าเป็นแฟนนั้น ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ.ตรัง แล้ว จากการพลิกแฟ้มประวัติพบต้องคดีหลบหนีทหารเกณฑ์ คดีพรากผู้เยาว์ หากจะมีการออกหมายจับก็จะต้องออกหมายจับในคดีที่ค้างอยู่ ส่วนในคดีนี้ของยืนยันว่ายังกระทำไม่ได้ต้องรอผล ดีเอ็นเอ ยืนยันให้แน่ชัด แต่ขอยืนยันว่าจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
และหลังจากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว สืบทราบว่า ได้มีการทำร้ายร่างกายอย่างทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ฟันบนจำนวน 3 ซี่หักเป็นเหตุให้เสียชีวิต ก่อนจะนำร่างไปราดน้ำมันจุดไฟเผาและอำพรางศพในวันรุ่งขึ้น แต่เหตุผลและแรงจูงใจยังไม่ทราบ ซึ่งจะต้องผลทางเจ้าหน้าที่ยืนยันอย่างชัดเจนอีกครั้ง แต่มีผู้ร่วมขบวนการละผู้รู้เห็นมากกว่า 1 คนแน่นอน ติดตามตอนที่ 2
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: