สภาเกษตรหนุนชาวไร่ประจวบคีรีขันธ์ปลูกสับปะรดสยามโกลด์ หลังจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ต้องการซื้อสับปะรดผลสดพันธุ์เอ็มดีทูหรือสยามโกลด์ แบรนด์สับปะรดของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เกษตรกรไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ เนื่องจากผลผลิตในประเทศยังไม่พอจำหน่าย
วันที่ 30 พฤษภาคม 2562นายอานนท์ โลดทนงค์ รองประธานสภาเกษตร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เลขานุการสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ต้องการซื้อสับปะรดผลสดพันธุ์เอ็มดีทูหรือสยามโกลด์ แบรนด์สับปะรดของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เกษตรกรไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ เนื่องจากผลผลิตในประเทศยังไม่พอจำหน่าย ทำให้ปัจจุบันสับปะรดเอ็มดี ทู ขนาดน้ำหนักผลละ 1.5 – 2 กิโลกรัม (กก.) มีราคาสูงถึง กก.ละ 20 – 25 บาท ขณะที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ปลูกสับปะรดมากที่สุดในประเทศเกือบ 5 แสนไร่ แต่เกษตรกรนิยมปลูกสับปะรดพันธ์ปัตตาเวียเพื่อส่งโรงงานสับปะรดกระป๋อง แม้ว่าปัจจุบันจะมีราคาสูง กก.ละ 7.50 – 8 บาท แต่คาดว่าในอนาคตสถานการณ์ด้านราคาจะตกต่ำ ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิตเหมือนเดิมในรอบหลายสิบปี เมื่อผลผลิตล้นตลาด ขณะที่ แนวโน้มตลาดรับซื้อในต่างประเทศต้องการบริโภคสับปะรดผลสดเพิ่มมากขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
- ชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ส่อเดือด! นักการเมืองรุ่นใหม่ทยอยเปิดตัว ท้าชนแชมป์เก่า
- ตร คลี่ปม หนุ่มวัย 29 ปี ถูกรถไฟชน มีเสื้อมัดเท้า ยืนยันเป็นเพียงมัดแทนรองเท้าเดินริมทางรถไฟ
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- ฝ่ายปกครอง อ.ปลาปากสนธิกำลังตร .บุกรวบหนุ่ม 20 ขาใหญ่ จำหน่ายยาบ้า โดดหลังบ้าน คว้ามีดพร้าเปิดทาง หลบหนีไปไม่รอด
นายอานนท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดได้สนับสนุนให้เกษตรกรหลายอำเภอ แบ่งพื้นที่เพื่อปลูกสับปะรดเอ็มดี ทู ตามนโยบายส่งเสริมการบริโภคสับปะรดผลในเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาสับปะรดส่งโรงงานล้นตลาด แต่มีปัญหาจากการจัดซื้อหน่อพันธุ์ที่มีราคาค่อนข้างสูง ขาดความต่อเนื่องในการส่งเสริมการผลิตเพื่อให้ได้ผลสับปะรดมีขนาดมาตรฐาน รสชาติดี นอกจากนั้นไม่มีการวางแผนการตลาดรองรับ ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจ หลังจากมีผลผลิตแล้ว เหลือราคารับซื้อเพียง กก.ละ 5 บาท
“ ขณะนี้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศมีความต้องการผลผลิตสูงมาก ส่วนการส่งออกไปตลาดต่างประเทศพบว่าสับปะรดเอ็มดีทู สามารถเก็บได้ในอุณหภูมิปกตินานกว่าสายพันธุ์อื่น ไม่พบปัญหาโรคไส้ดำ สำหรับตลาดส่งออกในญี่ปุ่นพบว่าประเทศฟิลิปปินส์ส่งสับปะรดเอ็มดีทูไปจำหน่ายปีละกว่า 1 แสนตัน ดังนั้นภาครัฐควรเร่งส่งเสริมให้ชาวไร่รวมกลุ่มเพื่อปลูกสับปะรดเอ็มดี ทู ลดการปลูกพันธุ์ปัตตาเวียเพื่อส่งโรงงาน คาดว่าในอนาคตต้นทุนจากการซื้อต้นพันธุ์ จะต่ำลงได้สายพันธุ์ที่มีความแข็งแรง ทนต่อโรค ไม่กลายพันธุ์ จากสายพันธุ์เดิมที่พัฒนาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากทางราชการได้จัดสรรงบประมาณสร้างโรงปั่นเนื้อเยื่อเพื่อขยายต้นพันธุ์ที่ อ.สามร้อยยอด ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบระบบปฏิบัติการ ” นายอานนท์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: