“สมศักดิ์” แถลงข่าวตอบโต้กระแสข่าวการย้ายกลับ “เพื่อไทย” เพราะไม่ได้เก้าอี้ รมว. มองเป็นการหวังผลทางการเมือง ย้ำไม่มี “ปฏิวัติซ้อน” และเชื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์” นั่งแท่นนายกฯต่อ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวท่าทีหลังมีกระแสข่าวกลุ่มสามมิตร จะลาออกจากพรรค เพื่อกลับไปร่วมกับ “พรรคเพื่อไทย” เนื่องจากไม่มีบทบาทในการนั่ง “กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” กับ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” โดย นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง” ซึ่งการปล่อยข่าวนี้ออกมาเป็นการหวังผลทางการเมือง รวมถึงสร้างความเกลียดชัง ทำลายพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม พร้อมยืนยัน กลุ่มสามมิตร มีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะไม่ทำอย่างที่มีข่าวลือออกมา พร้อมทั้งขอบคุณคนปล่อยข่าว ที่ทำให้ตัวเองมีโอกาสได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน โดยเฉพาะข่าวที่บอกว่า ส่วนตัวต้องการอยากได้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และถ้าไม่ได้จะพา ส.ส.กว่า 30 ท่านออกไปร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นการปล่อยข่าวทำให้เกิดความเสียหาย หากบุคคลที่ไม่ได้เข้าใจการเมืองมากนัก จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้เห็นว่า ตัวเองและพวกเป็นคนเกเร ตีรวนในส่วนของการตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า โดยข้อเท็จจริง การทำงานและพูดคุยในส่วนกระทรวงต่างๆ คณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้หัวหน้าและเลขาธิการพรรคไปทำหน้าที่ตรงนี้ พวกเราก็รอฟัง และอาจจะมีข้อมูลเดิมก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะได้กระทรวงนั้นกระทรวงนี้ก็พูดกันไป มีข่าวปล่อยลักษณะนี้มาตลอด ฟังแล้วก็พอรับได้ แต่การพูดให้พรรคเสียหาย โดยเฉพาะตัวเองที่เสียหายไปด้วย กลายเป็นคนไม่ได้อะไรดังใจก็จะพาพรรคพวกย้ายออก ขอเรียนว่า ตั้งแต่ทำการเมืองมา ตัวเองมีปัญหาน้อยที่สุด ความมีศักดิ์ศรีของเราต้องยึดหลักและสิ่งที่ผ่านมาในอดีต เพราะตัวเองอยู่พรรคการเมืองมานาน เริ่มตั้งแต่ พรรคกิจสังคม อยู่กันจนแยกย้ายตายจากกันไป จากนั้นย้ายไปพรรคไทยรักไทยสุดท้ายก็ถูกยุบพรรค และกลุ่มที่สามที่เรามาอยู่ด้วยคือพรรคพลังประชารัฐ ขอเรียนว่า แม้จะมีเปรี้ยวหวานมันเค็มผสมผสานกันไป เราก็ไม่คิดจะหนีหายไปจากพรรค ต้องปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป
เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่ออกมามีผู้ใหญ่ในพรรคทักท้วงอะไรหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้พูดอะไร ไม่มีใครติดต่อสอบถาม คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่สมควรอย่างยิ่ง การทำลักษณะนั้นไม่มีอยู่ในสมอง เพราะเรามีศักดิ์ศรีพอ ส่วนข่าวนี้มีที่มาจากไหน มองว่ามีหลายฝ่ายที่เราไม่สามารถไปประเมินได้ แต่มองดูแล้ว คนที่ทำไม่ได้ประสงค์ดี แต่ก็ขอบคุณที่ทำให้ตัวเองมีโอกาสพูดคุยกับทุกคน
เมื่อถามย้ำว่าเป็นการเตะตัดขากันทางการเมืองหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามองไม่เห็นว่าใครเป็นคนทำ และไม่เคยคิดจะต้องเป็นคนในหรือคนนอก ตัวเองเป็นสุภาพบุรุษพอ ส่วนตัวทำอะไรปากกับใจตรงกันเสมอ ไม่เคยปล่อยข่าวหรือทำร้ายใคร แต่ที่มีคนปล่อยข่าวทำร้ายตัวเองตลอดเวลา อีกมุมหนึ่งก็ดีเหมือนกันที่เขาเห็นว่า เราเป็นคนสำคัญที่ต้องมาสร้างความวุ่นวายให้
ส่วนกรณีที่การเจรจาร่วมรัฐบาล อาจทำให้พรรคพลังประชารัฐเสียเก้าอี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่าช่วงหาเสียงเราได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชาน เป็นหน้าที่ของพวกเราตอนหาเสียง ส่วนการหารือจะเป็นอย่างไร ส่งใครไปอยู่กระทรวงไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะดีใจหรือเสียใจ จะมาตีอกชนตัว ส่วนตัวคิดว่าเป็นการคาดเดา คาดการณ์ แต่เรามีหน้าที่ต้องนำเสนอ ถึงสิ่งที่เราได้ไปดำเนินการมา เราต้องพยายาม ต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะเรามีสัจจะ วาจากับชาวชนบท ว่าเราจะพยายามให้ชนบทมีความเป็นผู้อยู่ที่ดี มีความสมบูรณ์ การกระจายเรื่องเหล่านั้นไปสู่ชาวชนบท ต้องไปอย่างทั่วถึง แต่การนำเสนอออกไปแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคไปดำเนินการให้เป็นเช่นไร ก็เป็นเช่นนั้น ไม่สมควรที่จะมีปัญหาให้เกิดความวุ่นวาย เพราะประเทศของเราขาดความเป็นประชาธิปไตยนานหลายปี เราควรรักษาเรื่องนี้และเดินหน้าไป ฝากสื่อมวลชน โปรดเข้าใจในสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่พยายามทวงถามในสิ่งที่เราพบปะกับประชาชนมาตลอดเวลา 1 ปีเศษ และขอยืนยันว่า พรรคการเมืองถึงแม้จะคัดเลือกตัวบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว สุดท้ายตามประเพณีปฏิบัติคนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ พวกเราก็ต้องยอมรับเงื่อนไขแบบนี้มาโดยตลอด
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าพรรคการเมืองไหนจะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คงเป็นหน้าที่ของแกนนำพรรค หรือนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบไปด้วยกัน สิ่งต่างๆ ตรงนี้ อย่างไรก็แล้วแต่ เวลาทำผิด คนเขาไม่ได้ว่าพรรคนั้นพรรคนี้ทำไม่ดี แต่เขาจะพูดว่ารัฐบาลทำไม่ดี เราก็ต้องช่วยกัน ไม่ขัดแข้งขัดขากันแน่ ซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาจจะเป็นพรรรคอื่น แต่เราก็ต้องมีรัฐมนตรีช่วยว่าการเข้าไปทำหน้าที่ตรงนั้น ส่วนตัวเองมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ทำให้เรื่องตรงนี้เกิดความวุ่นวาย
เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้โควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ จะเข้าไปดำรงตำแหน่งเองหรือไม่ นายสมศักดิ์ ย้ำว่า “คงไม่ได้เป็นเองหรอก เพราะผมเป็นรัฐมนตรีช่วยมาหลายสมัยแล้ว”
ส่วนประเด็นที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาระบุในทำนองว่า “ไม่ต้อนรับและอโหสิกรรมให้” โดยส่วนตัวเห็นว่า การที่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นถึงคนที่น่านับถือในวงกว้าง และที่สำคัญ ส่วนตัวก็แอบได้ยินคนในพรรคเพื่อไทย พูดถึง “คุณหญิงสุดารัตน์” ในทำนองไม่ดีมาเหมือนกัน
สำหรับกระแสข่าวที่อาจมีการรัฐประหารซ้ำนั้น นายสมศักดิ์ เห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดมาตลอดหลายปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติซ้อนขึ้น
ส่วนการที่หลายคนมองว่า รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีอายุไม่นานนั้น นายสมศักดิ์ เห็นว่า สิ่งที่ควรคิดขณะนี้คือ ทำอย่างไรถึงจะบริหารประเทศได้ดี และไม่เชื่อว่า การที่รัฐบาลจะอายุสั้น ไม่ใช่เรื่องของการแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวแน่นอน และควรมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
เช่นเดียวกับเรื่องของการร่วมรัฐบาล และเรื่องตำแหน่งของรัฐมนตรี เพราะหากทุกพรรคการเมือง ทำเพื่อส่วนรวม ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไรหาก นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครเหมาะสมกับส่วนงานไหน และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ยอมรับในส่วนนี้ได้
ส่วนเรื่องที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยในการตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า นายสมศักดิ์ ระบุว่า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และไม่เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา อีกทั้งยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว แต่ให้มองว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็ต้องการทำนโยบายที่เคยให้ไว้กับประชาชน เชื่อว่าทุกพรรคจะร่วมใจกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายพรรคไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ในรัฐบาล และเชื่อว่าจะมีการจัดสรรที่เหมาะสม
นายสมศักดิ์ ยืนยันอย่างเช่นทุกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: