อุบลราชธานี – ปู่ร้องหลานอนุบาล 3 ถูกข่มขืน รร.แจงตรวจสอบแล้ว เชื่อไม่ได้เกิดในโรงเรียน พร้อมเยียวยา 1 หมื่น แต่ปู่ไม่เอา
โรงเรียนแจงเหตุการณ์ไม่ได้เกิดในโรงเรียน เพราะมีระบบควบคุมเด็กอนุบาลไม่มีโอกาสได้เจอกับเด็กชั้นประถมช่วงพักเที่ยง และพยายามเยียวยาดูแลแล้ว แต่ทางผู้เป็นปู่ไม่รับเงิน 1 หมื่นบาท จึงไม่รู้ทำอย่างไร ด้าน ตร.บอกว่า คดีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะผู้ถูกกล่าวหาเป็นเด็กเล็ก และให้การปฏิเสธไม่ได้ทำ ส่วนที่พนักงานสอบสวนต้องตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา เนื่องจากกฏหมายใหม่ หากนำอะไรสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ ก็ถือเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา
จากกรณีปู่ชาวอำเภอสิรินธร จ.อุบลราชธานี คนหนึ่งร้องเรียนหลานสาวอายุ 5 ปี เป็น นร.อนุบาล 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งของอำเภอถูกเด็กนักเรียนชายร่วมชั้นเรียน 1 คน และนักเรียนชั้น ป.2 อีกคนข่มขืนระหว่างพักเที่ยง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2561 แต่ไม่ได้รับการเยี่ยวยาจากทางโรงเรียนหลังเกิดเหตุ ทั้งที่หลานสาวได้รับบาดเจ็บมีเลือดออกจากอวัยวะเพศ และแพทย์ลงความเห็นมีร่องรอยบวมบริเวณอวัยวะเพศ คล้ายมีการร่วมเพศนั้น
ผู้สื่อข่าวได้รับการชี้แจงจากปู่รายนี้ว่า หลังเกิดเหตุตนยังไม่ได้รับการเยี่ยวยาช่วยเหลือจากทางโรงเรียน และรู้สึกเห็นใจหลานที่ต้องได้รับความเจ็บปวดและเข้านอนรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน จึงต้องการให้ทางโรงเรียนแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ขณะที่นายสุรพล ณ รุณ ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ถูกอ้างว่าเป็นที่เกิดเหตุเล่าว่า จากการสอบสวนของทางโรงเรียนแล้ว ไม่พบมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโรงเรียน เนื่องจากเด็กชั้นอนุบาลไม่มีโอกาสได้พบกับเด็กชั้นประถมในช่วงพักเที่ยง เพราะมีการพักเหลื่อมเวลากัน คือ
เวลา 11.00 น. ครูประจำชั้นเด็กอนุบาลจะนำเด็กเดินแถว เพื่อมากินข้าวที่โรงอาหารที่ห่างจากอาคารเด็กอนุบาลประมาณ 50 เมตร หลังจากนั้นเวลา 11.45 น. ครูก็จะนำเด็กอนุบาลเดินแถวกลับเข้าห้องเรียน ซึ่งเป็นอาคารแยกจากชั้นเรียนอื่นๆ รวมทั้งในตัวอาคารมีที่แปลงฟันและมีห้องน้ำในตัว เด็กอนุบาลจะไม่มีโอกาสได้ใช้รวมกับเด็กชั้นอื่นๆ ดังนั้นเด็กอนุบาลกับเด็กชั้นประถม จึงไม่มีโอกาสเจอกัน
หลังมีเรื่องและปู่ของเด็กร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน จึงเสนอจะผูกข้อต่อแขนทำขวัญให้กับหลานเป็นเงินจำนวน 1 หมื่นบาท แต่คนเป็นปู่ไม่เอา เอาแต่บอกว่าโรงเรียนต้องรับผิดชอบ และพูดกว้างๆ ผ่านมาทางครูว่า ต้องเป็นเงินจำนวนหลายแสน ซึ่งทางโรงเรียนไม่มีเงินจ่ายให้ จึงปล่อยให้ผู้เป็นปู่ดำเนินการตามที่จะเห็นเหมาะสม เพราะโรงเรียนไม่รู้จะทำอย่างไร และเชื่อว่าเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งอาจจะไปเกิดที่อื่นหรือไม่ก็ไม่ทราบด้วย
ด้าน น.ส.สุจิตรา มณีสุข อาจารย์ประจำชั้นอนุบาล 3 เล่าว่า วันที่อ้างว่าเป็นวันเกิดเหตุ เด็กเพิ่งกลับมาเรียนหลังหยุดไปได้ราว 1 สัปดาห์ ทราบว่าเด็กเดินทางไปเยี่ยมญาติในจังหวัดภาคใต้ วันนั้นเด็กก็เป็นปกติ แม้เวลาไปทานข้าวก็เดินเรียงแถวกันไปทานข้าวและเดินแถวกลับมาที่อาคารชั้นอนุบาล ไม่ได้มีการแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทาง เพราะครูจะคอยดูแลตลอดเวลา
เมื่อกลับมาถึงชั้นเรียนก็ทำกิจวัตรประจำวัน ก่อนจะเข้านอนในตอนเที่ยง โดยเด็กไม่ได้ร้องไห้ เพราะมีอาการเจ็บปวด หรือมีเลือดไหลจากอวัยวะเพศแต่อย่างใด กระทั่งเด็กตื่นนอนขึ้นมาช่วงบ่าย เพราะเด็กฉี่ใส่ที่นอน น.ส.สุจิตรา ก็นำเด็กคนดังกล่าวไปล่างทำความสะอาด ก่อนแต่งตัวและพาเดินแถวออกไปขึ้นรถรับส่งของโรงเรียน โดยมีญาติลูกพี่ลูกน้องที่เรียนอยู่ชั้น ป.5 มารับพาเดินไปขึ้นรถกลับบ้าน ซึ่งขอยืนยันว่าระหว่างเด็กอยู่ที่โรงเรียนไม่ได้มีการฟ้องว่าถูกเพื่อนกลั่นแกล้งแต่อย่างใดด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ปรัชญา คงสกุล ผกก.สภ.สิรินธร กล่าวถึงผลทางคดีที่ปู่ของเด็กหญิงรายนี้ ได้ไปเข้าแจ้งอัยการได้สั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากคู่กรณีเป็นเด็กอายุ 5 และ 8 ปี ส่วนที่ต้องตั้งข้อข่มขืนกระทำชำเรา เนื่องจากกฏหมายใหม่ แม้ใช้อะไรสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ ก็ถือว่าเป็นข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งกรณีนี้เด็กบอกเป็นหลอดใช้ดูดนม ส่วนเด็กที่ถูกกล่าวหาทั้งคู่ก็ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่ได้ทำด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: