หนุ่มหัวร้อน ยั๊วะป้าวัย 64 หัวหน้าคนงานภายในวัดดังกลางเมืองแปดริ้วพูดไม่เข้าหู ปล่อยหมัดเดียวเต็มเบ้าตาถึงล้มตึงอาการสาหัส เหตุเข้าใจผิดที่ให้คนงานตั้งแผงขวางพื้นที่จัดงานศพ หลังก่อเหตุสำนึกผิดเดินเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ฝ่ายญาติยังคาใจให้รอเวลาเกิดจิตสำนึกได้จริงๆ ก่อน ระบุยังทำใจไม่ได้
วันที่ 14 มิ.ย.62 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ดาริน วรุณทรัพย์ อายุ 42 ปี บุตรสาวของหญิงชราวัย 64 ปี ในภาพที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ทางโลกโซเชียล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขณะถูกชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่วัย 43 ปี ทำร้ายร่างกายชกต่อยด้วยหมัดเพียงครั้งเดียวจนถึงกับทำให้ร่างทรุดล้มตึงลงสู่พื้นใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำ กระดูกข้อมือหักขณะล้มลงฟาดกับพื้นว่า
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 มิ.ย.62 เวลาประมาณ 17.30 น. ในขณะที่มารดาของตนเองซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานและแม่ครัว ที่คอยดูแลคนงานอยู่ภายในวัด กำลังเดินสั่งงานคนงานที่คอยดูแลความเรียบร้อยตามจุดพื้นที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ ของวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฏิ์ หรือวัดเมือง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา และยังเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี แห่งที่ 2 ของจังหวัดนับจากวัดโสธรฯ
ได้ถูกชายคนดังกล่าว เดินตรงเข้ามาชกต่อยไปที่ใบหน้าด้านขวาอย่างเต็มแรง จนถึงกับทำให้ร่างกายทรุดล้มลงฟาดพื้นทั้งยืน ทั้งที่มารดาของตนเองนั้นเป็นเพียงหญิงชราตัวเล็กๆ เท่านั้น โดยที่ชายคนดังกล่าวเป็นบุคคลที่ไม่เคยรู้จักหรือพุดคุยกันมาก่อน
แต่มาทราบภายหลังว่า ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นญาติห่างๆ ของผู้เสียชีวิตที่เข้ามาจัดงานศพอยู่ภายในวัด ซึ่งเป็นหลานเขย และได้แสดงความไม่พอใจที่คนงานของทางวัด ได้มีการนำเอาแผงเหล็กมาปิดกั้นกันพื้นที่บริเวณโดม ทางเข้าสู่ศาลาสวดพระอภิธรรมศพไว้ เนื่องด้วยทางญาติของฝ่ายเจ้าภาพเองได้ร้องขอให้ทางวัดช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ทางเจ้าภาพ ในการจัดงานศพในครั้งนี้เป็นอย่างดีด้วย
เนื่องจากผู้เสียชีวิตนั้นเคยเป็นอาจารย์ เป็นคนเก่าแก่ที่เคยสอนอยู่ภายในโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง และมีลูกศิษย์เดินทางเข้ามาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพเป็นจำนวนมาก ทางวัดจึงได้นำเอาแผงเหล็กดังกล่าว มาช่วยกั้นกันพื้นที่เอาไว้ เพื่อไม่ให้รถตู้ที่มาจอดรถคอยรับส่งเด็กนักเรียนจากโรงเรียนภายในบริเวณดังกล่าว เข้ามาจอดขวาง
แต่ทางผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดคิดว่าทางวัดนั้นเอาแผงเหล็กมาปิดกั้นขวางทางเข้าออกงานศพ และไม่พอใจมารดาตนที่พูดสั่งงานคนงานไม่เข้าหู จึงเข้าไปรื้อแผงเหล็กออกจากบริเวณด้านหน้าโดมทางเข้าศาลาสวดศพออก ก่อนที่จะนำไปโยนทิ้งไว้ยังบริเวณริมถนนฝั่งตรงข้ามตัวอาคารศาลาโดมดังกล่าว และแสดงความไม่พอใจ ก่อนตรงเข้ามาก่อเหตุทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่หลังเกิดเหตุชายหนุ่มผู้ก่อเหตุวัย 43 ปี ได้ทราบความจริงและได้สำนึกผิดจึงได้เดินทางเข้าไปพบ พ.ต.ต.กฤชฐา ประทุมแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ด้วยตนเองและได้พยายามที่จะขอโทษต่อทางผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติแล้ว แต่ทางญาติยังไม่สามารถทำใจได้ โดยจะขอเวลาดูถึงความสำนึกผิดของผู้ก่อเหตุว่า
ได้มีความสำนึกต่อการกระทำที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วจึงค่อยเข้ามาพูดคุยกันในภายหลัง โดยในขณะนี้จะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมายบ้านเมืองไปก่อน น.ส.ดาริน กล่าว
ด้านนางนงคราญ จงรักษ์ อายุ 64 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่า เขาทำร้ายเราเพราะอะไร หรือทำไปเพื่ออะไรเพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน ส่วนบาดแผลที่บริเวณแก้มและดวงตาข้างขวาที่ปูดบวมจนปิดนั้น ขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้วแต่ยังมีน้ำตาไหลออกมาในขณะพูดคุยอยู่ตลอด และคุณหมอผู้ทำการรักษายังคงเป็นห่วงเรื่องของประสาทตาและท่อน้ำตาที่ฉีกว่าจะกระทบต่อด้านการมองเห็นหรือไม่
ขณะที่แก้มซ้ายที่ล้มลงกระแทกพื้นขณะนี้เริ่มยุบลงมากแล้ว หลังจากที่ทางแพทย์ได้ให้ญาติช่วยทำการประคบบาดแผลรอยฟกช้ำอยู่ตลอดอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อมือซ้ายที่หักนั้นยังมีอาการปวดอยู่ แต่ได้รับการผ่าตัดใส่เหล็กและเข้าเฝือกไว้แล้ว โดยแพทย์บอกว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงจะเปิดเฝือกออกเพื่อตัดไหม จากนั้นจึงจะใส่เฝือกใหม่จนกว่ากระดูกจะติดกันดี โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจึงจะทำกายภาพบำบัดได้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะใช้งานได้ดีเป็นปกติหรือไม่ เนื่องจากมีอายุมากแล้ว นางนงคราญ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: