เพชรบูรณ์- 332 รีสอร์ทในแปลงรอส.รุกป่าเขาค้อส่อเอาผิดไม่ได้ทั้งยวง หลังนายทุนเตรียมใช้แทคติกร่วมทุนเจ้าของที่ดินโต้แย้ง หากถูกจับดำเนินคดี เหมือนกรณีตึกยักษ์ 3 หลัง
วันที่ 2 มีนาคม ความคืบหน้ากรณีคณะเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในอ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พยามหามาตรการยับยั้งไม่ให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างอาคารรีสอร์ทเพิ่มเติมในพื้นที่ 4 ตำบลของอ.เขาค้อ และหาช่องทางรื้อฟื้นคดีการก่อสร้างอาคารตึกขนาดใหญ่ 3 หลัง บนที่ดินราษฎรอาสาสมัคร หมู่ที่ 12 บ้านส่งคุ้ม ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ แต่ภายหลังอัยการหล่มสักมีคำสั่งเด็ดไม่ฟ้อง ล่าสุดมีรายงานจากคณะเจ้าหน้าที่ว่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ เพื่อจะหาช่องทางเอาผิดกับนายทุนก่อสร้างอาคารตึกยักษ์รายนี้ รวมทั้งรายอื่นๆซึ่งมีหลุดรอดการถูกดำเนินคดีไปเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังพยายามหาแนวทางปิดช่องโหว่ในข้อกฎหมายที่นายทุนจะใช้เป็นข้อโต้แย้งในการต่อสู้คดีอีกด้วย
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ยังพยามจะหยิบข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าและการขออนุญาตก่อสร้าง ขึ้นมาเอ็นอีกแนวทางในการดำเนินคดี แต่ทั้งนี้มีการท้วงติงในเรื่องความชัดเจนกรณีผู้เสียหายระหว่างทหารกับทางป่าไม้ รวมทั้งการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นขึ้นมาเพื่อรองรับการควบคุมก่อสร้างอาคาร ภายหลังมีการประกาศใช้กฎกระทรวงผังเมืองรวมจังหวัดเพชรบูรณ์ไปแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
- เพชรบูรณ์-ผปส.มูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ฯ จี้ผู้จัดคอนเสิร์ต-จนท.เข้มบุหรี่ไฟฟ้า
- เขาค้อผวา "ทริปน้ำไม่อาบ" นอภ.สั่งตั้งจุดตรวจ เกรงหลังเสร็จกิจกรรมภูทับเบิก แก๊งแว้นเตลิดเขาค้อ
- เพชรบูรณ์ - นักท่องเที่ยวสุดเซ็ง! วางแผนไปเที่ยวเขาค้อภูทับเบิก หลังรู้ข่าวต้องเจอ"ทริปน้ำไม่อาบ" ยอมยกเลิกหรือปรับไปเที่ยวที่อื่นแทน
- เพชรบูรณ์-จับลักลอบใช้แบ็กโฮขุดดิน ถมแม่น้ำป่าสักในเขตอ.หล่มเก่า
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังประเมินสถานการณ์ด้วยว่า หากยังไม่สามารถหยุดยั้งหรือเอาผิดกับนายทุนรายนี้ รวมทั้งรีสอร์ทรายอื่นๆที่อยู่ในข่ายลักษณะเดียวกันได้ จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาอย่างแน่นอน ที่สำคัญรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศของนายทุนจำนวน 332 แห่ง ที่อยู่ในแปลงรอส. และอยู่ในเขตพื้นที่ป่าที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้จากกรมป่าไม้ เพื่อจัดสรรให้ รอส. รัศมีข้างละ 1 กิโลใมตร หากทางเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินคดี ก็ส่อจะหลุดคดีหรือหลุดรอดกฎหมายไปได้เหมือนกรณีอาคารตึกขนาดใหญ่ 3 หลังเช่นกัน โดยนายทุนจะใช้แทคติกในข้อกฎหมายการร่วมลงทุนกับ รอส.เจ้าของที่ดินมาเป็นข้อโต้แย้งขึ้นต่อสู้คดี ทำให้ขาดเจตนาและไม่สามารถเอาผิดในกฎหมายฐานความผิดบุกรุกป่าได้ ส่งผลให้ทางพนังงานสอบสวนและพนักงานอัยการมีคำสังไม่ฟ้องตามมา
นอกจากนี้ทางฝ่ายทหารยังเสนอให้ขยับขั้นตอนการดำเนินคดีกับรีสอร์ทในแปลงรอส.จำนวน 332 รายขึ้นมาเป็นอันดับ2 รองจากการดำเนินคดีรีสอร์ทบ้านพักนอกแปลงรอส.จำนวน 2,750 แปลง 135 แห่ง และสำรวจล่าสุดพบเพิ่มเติมอีก 191 แห่ง โดยให้ขยับเลื่อนการดำเนินการต่อ รอส.ที่ทำผิดเงื่อนไขจำนวน 1,052 รายลงไปอยู่อันดับสุดท้ายแทน โดยประเมินว่านอกจากมีจำนวนมากแล้ว แนวทางดำเนินการทั้งการปลดจากการเป็นรอส.โดยกองทัพภาคที่ 3 และถอดถอนสิทธิที่ทำกินโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ตามเงื่อนไขการใช้ประโยชน์และครอบครองที่ดินดังกล่าวนั้น กลุ่มนี้ยังมีปัญหาด้านระเบียบและข้อกฎหมายที่สลับซับซ้อนอีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: