ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันไม่พบพิรุธในการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอบริษัทอิตาเลียนไทยกับพวก ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ยันหากไม่ชอบมาพากล จะเปลี่ยนตัวแน่
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในคดีนายเปรมชัย พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวออกจากชุดพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ย้ำว่าได้ดูแลและติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และขณะนี้ยังไม่พบพิรุธในการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รวมทั้ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ก็ไม่ได้มีหน้าที่ทำสำนวนและไม่ใช่พนักงานสอบสวน เพียงแต่ควบคุมดูแลในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และต้องไว้ใจให้ทำหน้าที่ ซึ่งหากพบว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ มีพิรุธไม่ชอบมาพากล ก็คงต้องเปลี่ยนตัว เหมือนกับคดีหวย 30 ล้านที่จังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายเปรมชัยจะเดินทางไปต่างประเทศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า จะต้องไปดูเงื่อนไขการให้ประกันตัวจากศาลอาญา เนื่องจากในส่วนของตำรวจไม่สามารถตอบได้ว่าจะให้ออกนอกประเทศหรือไม่ เพราะอยู่ในเงื่อนไขการประกันตัว ที่ศาลเป็นผู้พิจารณา
ขณะเดียวกัน วันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไปติดตามคดีนายเปรมชัย ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อเร่งรัดผลตรวจสอบชิ้นเนื้อ คราบเลือด และร่องรอยทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังสอบปากคำนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ถึงประเด็นผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะประเด็นจุดที่พบมีดเหน็บ 2 เล่มในที่เกิดเหตุ ซึ่งตรวจพบดีเอ็นเอเสือดำบนมีด แต่ไม่น่าจะใช่อาวุธที่ใช้ชำแหละและหั่นกระดูกเสือดำ จึงสั่งการให้กรมอุทยานฯ เร่งรัดผลการตรวจดีเอ็นเออย่างเป็นทางการบนมีดอีโต้ มีดทำครัว และเขียงที่พบบริเวณเต้นท์ของนายเปรมชัยกับพวก เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้รับรายงานว่ามีดีเอ็นเอเสือดำบนอุปกรณ์ดังกล่าว จึงต้องตรวจหาดีเอ็นเอบุคคล ว่าใครเป็นผู้ใช้มีดชำแหละเสือดำ
เบื้องต้นได้รับรายงานว่า วัตถุพยานได้รับการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำในครั้งแรก ทำให้การตรวจดีเอ็นเอบุคคลไม่ชัดเจน เนื่องจากถูกทำลายไป จึงยังไม่พบดีเอ็นเอที่ตรงกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แต่แม้ว่าดีเอ็นเอจะไม่ตรง แต่สำนวนคดีขณะนี้คืบหน้าไปแล้วกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ และแน่นหนาพอที่จะเอาผิดกับนายเปรมชัยและพวกทั้ง 9 ข้อหา โดยจะสรุปสำนวนส่งอัยการได้ทันภายในวันที่ 24 มีนาคมนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: