ครอบครัว “วรธงไชย” สานต่อเจตนารมณ์อาจารย์ศิลปะมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ผู้ล่วงลับ เปิดพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือดักจับสัตว์ที่คนอีสานใช้ทำมาหินสมัยโบราณ และของสะสมทรงคุณค่าหลายพันชิ้น เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้ประชาชน นทท.เข้าชมฟรี
(29 พ.ย.60) หากใครสัญจรผ่านถนนสายบุรีรัมย์ – ลำปลายมาศ ช่วงระหว่างบ้านตลาดควาย หมู่ 6 ตำบลหนองบัวโคก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ก็จะสะดุดตากับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และอดที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมชมไม่ได้ เพราะทางครอบครัว “วรธงไชย” ได้สานต่อเจตนารมณ์ของ “ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทำนุ วรธงไชย” อาจารย์สอนศิลปะ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน เป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2548 จากนั้นทางครอบครัวก็ได้สานต่อตามคำสั่งเสีย โดยการเปิดพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตชาวอีสานและแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจได้เข้าชมฟรี โดยภายในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคกดังกล่าว มีการจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ทำจากฝีมือคนของในครอบครัว เครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านทั้งที่ทำจากไม้รวมถึงวัสดุต่างๆ อุปกรณ์ดักจับสัตว์บก สัตว์น้ำซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวอีสานในสมัยโบราณ นอกจากนั้นยังมีของสะสมอันทรงคุณค่า เช่น สิ่งประดิษฐ์จากเปลือกหอย และภาพวาดจากฝีมือของอาจารย์ทำนุ ไว้ให้ประชาชน เยาวชน หรือผู้ที่สนใจได้ชมอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่มีสิ่งของที่เก็บรวบรวมสะสมจำนวนหลายพันชิ้น
ทั้งนี้ทางครอบครัวยังได้มีการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่บางส่วนจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ให้ผู้ที่เข้ามาชมได้นั่งรับประทาน และเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวอีกด้วย ปัจจุบันก็มีประชาชน นักศึกษา และผู้ที่สัญจรผ่านไปมาแวะชมภายในพิพิธภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนมากที่ได้เข้ามาชมก็ประทับใจและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก บางคนก็ซื้อเครื่องปั้นดินเผาไปใช้เองและเป็นของฝากด้วย
นายธงธวัช วรธงไชย อายุ 30 ปี ลูกชายอาจารย์ทำนุ บอกว่า พ่อได้เปิดพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว หลังจากพ่อเสียชีวิตจึงอยากจะสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ จึงได้เปิดพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ชื่นชอบงานด้านศิลปะ เข้ามาชมและศึกษาเรียนรู้ได้ฟรี โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้านในอดีต เสมือนมรดกทางวัฒนธรรม หากไม่เก็บรักษาไว้ก็จะผุพังสูญหายไปตามกาลเวลา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: