สระแก้ว – ชาวบ้านหนองแกแฉหมดเปลือก กำนัน อ.วังน้ำเย็น มีเอี่ยวขอเลขที่บ้าน-นำขยะอุตสาหกรรมมาทิ้งในเขตป่าโซนซี จ่อยกเลิกทะเบียนบ้านและแจ้งความดำเนินคดีฐานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมทั้งยังพบอีกว่า มีผู้บริหาร อบต.เป็นผู้รับจ้างขนขยะเอง ส่วน รพ.สต.-ตำรวจ ลงสำรวจชาวบ้านใกล้กองขยะสั่งห้ามเข้าใกล้ระยะ 80 เมตร
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 11 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมีการลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์จากพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี มากองไว้เพื่อคัดแยกและทิ้งบริเวณพื้นที่เขตป่าโซน C เขาซับพลู-เขาภูหีบ ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน จนมีปริมาณมากถึงกว่า 300 ตันโดยผิดกฎหมายว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้เดินทางเข้าเก็บหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งหากพบข้อมูลเกี่ยวข้องจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอวังน้ำเย็น นำโดย นางทิพวรรณ ศรีเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตาหลังใน และเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ตาหลังใน เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณกองขยะอุตสาหกรรมในรัศมี 500 เมตร ซึ่งมีอยู่จำนวน 22 ครัวเรือน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น เข้าร่วมเพื่อสอบถามปัญหาและแจ้งเตือนห้ามประชาชนในบริเวณโดยรอบ ห้ามเข้าใกล้กองขยะเกิน 80 เมตร
น.ส.มาลัย ปาระบับ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.8 บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นขยะที่กองใหญ่โต แถมขยะที่มองเห็นก็เป็นขยะที่ส่อว่าจะเป็นขยะพิษ เมื่อทราบเรื่องจึงได้รายงานและปรึกษาผู้บังคับบัญชา คือ นายอำนาจ พิพิธกุล กำนันตำบลตาหลังใน และ นายทองสุข รัตนรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองแก หมู่ 8 และ นายไพโรจน์ สิบพันทา สมาชิก อบต.ตาหลังใน ว่าจะปล่อยให้ขยะมากองจำนวนมากแบบนี้ไม่ได้เพราะจะเกิดความเสียหายต่อชุมชนของเรา
ข่าวน่าสนใจ:
- สระแก้ว ตำรวจคลองลึกแจกหมวกนิรภัยฟรี เรียกตรวจ-ตักเตือนก่อนแจกหมวกคนละหนึ่งใบ
- กกต.ให้ความรู้การเลือกตั้งผู้สมัคร ส.อบจ.สระแก้ว
- สระแก้ว เส้นทางไปอีสาน ช่องเขาตะโก รถติดสะสมกระทั่งเช้าวันนี้
- ระงับเสาส่งสัญญาณ 3 จุด!! ลุยชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตรวจพิกัดตึก 25 ชั้น ในปอยเปต ที่"ทักษิณ"ชี้เป้าว่าเป็นสถานที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์
น.ส.มาลัย เปิดเผยอีกว่า หลังจากเรียนปรึกษาผู้บังคับบัญชาหน่วยงานทราบแล้ว ซึ่งทุกคนก็เป็นห่วงผู้ใหญ่บ้านทองสุข รัตนรัตน์ เรื่องการออกเลขที่บ้านให้กับกำนันวังน้ำเย็น ซึ่งเป็นผู้มาดำเนินการขอเลขที่บ้านด้วยตนเอง และทางผู้ใหญ่ก็ออกให้ไปโดยที่ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายหลัง แต่เรื่องนี้ก็ได้แจ้งกับทางกำนัน ผู้ที่มาขอว่า การที่จะขอเลขที่บ้านจะต้องทำอย่างไร
“ผู้ใหญ่ทองสุข รัตนรัตน์ ได้อธิบายแล้วว่า การจะออกเลขที่บ้านจะต้องมีองค์ประกอบครบถ้วน คือ 1.ต้องมีภาพถ่ายบ้านทั้ง 4 มุม 2.เอกสารสำเนาที่ดิน และ 3.ที่สำคัญจะต้องมี อสม.ในหมู่บ้านนั้น ๆ ต้องเซ็นต์รับรองด้วยอย่างน้อย 2 คนและยังมีบุคคลที่สำคัญที่ต้องเซนต์รับรองด้วยคือ หัวหน้า รพ.สต.ตาหลังในด้วย เรื่องนี้ทางผู้ใหญ่บ้านได้บอกและชี้แจงทางกำนัน อ.วังน้ำเย็นไปแล้ว” น.ส.มาลัย กล่าวและว่า
ส่วนทางกำนัน อ.วังน้ำเย็นที่เป็นผู้มาขอเลขที่บ้านยังได้พูดต่อกับผู้ใหญ่บ้านว่า ต้องการได้เลขที่บ้านเพื่อต้องการไปแจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อขอไฟฟ้ามาลงที่พื้นที่กองขยะ แต่ผู้ใหญ่ทองสุขไม่ได้รู้ว่า ทางกำนัน อ.วังน้ำเย็นจะใช้พื้นที่ป่าโซนซีของบ้านหนองแก ม.8 มาใช้เป็นสถานที่เก็บและขนย้ายขยะอิเลคทรอนิกส์ขยะอุตสาหกรรมและขยะรถต่าง ๆ ตอนกำนัน อ.วังน้ำเย็นไปบอกก็บอกแค่ว่า จะขอเลขที่บ้านเพื่อไปขอไฟฟ้า ทางผู้ใหญ่จึงได้เซ็นต์ออกบ้านเลขที่ 283 ให้ไป แต่เมื่อทราบชัดเจนว่า ขยะอิเลคทรอนิกส์และขยะอุตสาหกรรมที่นำมากองอยู่ในพื้นที่ ม.8 บ้านหนองแก ทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะที่อยู่ใกล้กับจุดที่กองขยะหวาดกลัวว่า จะเกิดผลกระทบจึงรีบนำเรียนผู้บังคับบัญชา คือกำนันอำนาจ พิพิธกุล ทันที
อย่างไรก็ตาม น.ส.มาลัย ยังได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวด้วยว่า สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านต้องออกมารวมตัวกันปกป้องชุมชน เพราะได้รับเบาะแสชัดเจนว่า รถที่ไปรับจ้างขนขยะอุตสาหกรรมเหล่านี้มาในพื้นที่ เป็นรถของนักการเมืองท้องถิ่นและผู้บริการท้องถิ่นของ อบต.ตาหลังใน อีกด้วย ทำให้ชาวบ้านยิ่งไม่เชื่อมั่นการตรวจสอบของหน่วยงานและการออกหนังสือรับรองหรือออกใบอนุญาต ที่มีความพยายามจะช่วยเหลือกันออกใบอนุญาตก่อนที่จะมีข่าวออกมาในปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว สั่งการให้มีการขนย้ายกากอุตสาหกรรมทั้งหมดกลับไปที่ต้นทาง รวมทั้งให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและให้ขนย้ายกลับต้นทางภายใน 15 วันนั้น ได้มีการนำผ้าใบพลาสติกมาคลุมบริเวณกองกากอุตสาหกรรมไว้ส่วนหนึ่ง ก่อนมีเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจเก็บหลักฐานเพิ่มเติมตั้งแต่วานนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ส่วนช่วงบ่าย ก็มีเจ้าหน้าที่การนิคมอุตสาหกรรมและกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าตรวจเพิ่มเติมอีกด้วย โดยล่าสุดมีข้อมูลยืนยันว่า เจ้าหน้าที่พบข้อมูลการขอทะเบียนบ้านเลขที่ 283 ม.8 ซึ่งยื่นขอเป็นลักษณะบ้านเป็นตึกแถว ขณะที่ความเป็นจริงเป็นเพียงการปลูกเพิงพักคนงานเท่านั้นและอยู่ในพื้นที่เขตป่าโซนซี ซึ่งไม่สามารถอนุญาตได้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งตรวจสอบกรณีนี้ ซึ่งหากพบความผิดจริง เจ้าหน้าที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดีฐานใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และยกเลิกเลขที่บ้านดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ทางด้าน น.ส.สุรีรัตน์ ผิวหล่อ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน รับผิดชอบงานดูแลในพื้นที่ ให้ข้อมูลร่วมกับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตาหลังใน ว่า การเข้าไปตรวจสอบกองขยะดังกล่าวหลังจากชาวบ้านร้องเรียนมา สิ่งแรกที่เจอเป็นกองขยะจำนวนมาก ซึ่งลูกจ้างที่คัดแยกขยะและคนดูแลเป็นผู้ให้ข้อมูลว่า ขยะที่กองอยู่คืออะไรเอามาทำอะไรและมันจะมีผลเสียต่อประชาชนหรือไม่ ซึ่งมีการแจ้งแค่ว่าขยะทุกชิ้นเป็นขยะรีไซเคิลที่สามารถส่งขายได้หมดจะไม่มีเหลือกองตรงนั้น ซึ่งการตรวจครั้งนั้นไม่ได้ไปรับรองหรืออนุญาตให้เปิดทำการแต่อย่างใด เป็นการตรวจตามข้อร้องเรียน หลังจากนั้นก็ทำหนังสือแจ้ง อบต.ว่า วันที่ไปตรวจพบปัญหาอะไรบ้าง ทั้งนี้ หนังสือที่สาธารณสุขส่งไปเป็นแค่การรายงานว่า เจออะไรบ้างซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของชาวบ้านเพื่อให้ข้อมูลด้านสาธารณสุข ไม่ใช่การรับรองเพราะเราไม่สามารถรับรองได้ ต้องเป็นหน่วยงานอื่นเช่น อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม ซึ่งเราไม่มีสิทธิ์ ไม่มีหน้าที่ต้องไปรับรองในการเปิดตรงนั้น ส่วนการขอเลขที่บ้านไม่ได้มีการเซ็นต์โดยผ่าน อสม.หรือ รพ.สต. แต่เป็นการยื่นขอโดยตรงไปที่สาธารณสุขอำเภอเลย
—————————
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: