รอง ผบ.ตร. “ศรีวราห์” ลงดูจุดเกิดเหตุหลังมีชาวบ้านแปดริ้วพบอาวุธสงครามทิ้งกลางทุ่งนาเป็นจำนวนมาก พร้อมแถลงข่าวระบุความเชื่อมโยงต่อเหตุการณ์วางระเบิดป่วนเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ หลายจุดเมื่อปี 2557 เชื่อจงใจเอามาซุกซ่อนไว้เตรียมเคลื่อนไหวป่วนกรุงอีกระลอก
วันที่ 29 พ.ย.60 เวลา 18.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงใน ตร. และนครบาล จำนวนหลายนาย ได้เดินทางลงมาดูยังจุดเกิดเหตุ ที่บริเวณบ่อบัวพักน้ำกลางทุ่งนาในพื้นที่ ม.15 ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากมีชาวบ้านในพื้นที่พบอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดถูกนำมาซุกซ่อนทิ้งไว้ภายในบึงพักน้ำดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยมี พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบ.ช.2 พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ร่วมตรวจดูที่เกิดเหตุ
จากนั้นในเวลา 18.30 น. จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวที่บริเวณบนถนนสายบ้านคลองสิบห้า-คลองสิบหก ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยในการแถลงข่าว พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้รายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 พ.ย.60 ได้มีชาวบ้าน คือ นายภูมินทร์ เลาะเนาะ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 271 ม.18 ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีอาชีพทำนาในแปลงนาดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ชนันทร คำเกษ พนักงานสอบสวน สภ.ฉิมพลี ว่า
ได้มาพบเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดจำนวนมากภายในแปลงพักน้ำ ซึ่งมีสภาพเป็นบ่อบัวดังกล่าว จึงได้แจ้งให้ทางชุด อีโอดี จาก บก.กฝ.บช. ตชด.แปลงยาว และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก กก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้มาร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ จนสามารถตรวจพบของกลางประกอบด้วย ระเบิดขว้างสังหาร GRD 5 จำนวน 30 ลูก ไปป์บอมชนิดท่อพีวีซีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 7 ลูก แท่งดินระเบิด TNT ขนาด 1/2 ปอนด์ จำนวน 1 แท่ง
ลูกระเบิดยิงขนาด 40 มม. (M 79) จำนวน 2 ลูก ซองกระสุนปืน AK47 (อาก้า) ขนาดบรรจุ 30 นัด จำนวน 12 ซอง กระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. (อาก้า) จำนวน 1,799 นัด กระสุนปืนยาวขนาด 6.35 มม. จำนวน 9 นัด กระสุนปืนพกขนาด 6.35 มม. จำนวน 9 นัด กระสุนฝึกยิงขนาด 5.56 มม. (เอ็ม 16) จำนวน 108 นัด กระเป๋าสีดำใบใหญ่จำนวน 1 ใบ กระเป๋าสะพายหลังสีเขียว จำนวน 1 ใบ กระเป๋าสะพายด้านข้างสำหรับใส่ซองกระสุนปืน จำนวน 1 ใบ ลังไม้สำหรับใส่กระสุนขนาด 7.62 จำนวน 1 ลัง จึงได้เก็บรวบรวมนำไปส่งตรวจพิสูจน์ยัง พิสูจน์หลักฐาน ตร.
ต่อมาในวันที่ 25 พ.ย.60 ชุด EOD ได้เข้าทำการตรวจสอบบริเวณพื้นที่จุดดังกล่าวอีกครั้ง จนสามารถเก็บกระสุนปืนและวัตถุระเบิดได้เพิ่มเติมอีกประกอบด้วยกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. (อาก้า) จำนวน 74 นัด กระสุนฝึกยิง ขนาด 5.56 มม. (เอ็ม 16) จำนวน 9 นัด ชุดสวิตช์สำหรับต่อวงจรไฟฟ้าจุดระเบิดจำนวน 1 ชุด สายรัดกระเป๋าสีดำจำนวน 1 เส้น
และในวันที่ 28 พ.ย.60 เจ้าของแปลงนารายเดิมยังได้มาพบ กระป๋องทรงกลมบรรจุชนวนจุดระเบิดจำนวน 3 กระป๋อง ซึ่งล่าสุดในวันนี้ 29 พ.ย.60 เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจค้นหาอาวุธสงครามได้เพิ่มเติมอีกประกอบด้วย อาวุธปืน AK 47 (อาก้า) จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. (อาก้า) จำนวน 91 นัด กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. (เอ็ม 16) จำนวน 320 นัด กระสุนปืนยาวขนาด 6.35 มม. จำนวน 80 นัด กระสุนปืนขนาด 6.345 มม. (หัวจีบ) จำนวน 7 นัด กระสุนปืนขนาด 6.345 มม. พลาสติก จำนวน 5 นัด ดินระเบิด C4 (ซีโฟร์) จำนวน 1/4 ปอนด์ ซองกระสุน 5.56 มม. จำนวน 1 ซอง
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการส่งเครื่องกระสุนปืนอาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดไปทำการตรวจสอบปรากฏว่า เครื่องกระสุนปืนอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อช่วง ปี พ.ศ.2557 ที่มีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดป่วนเมืองกรุงเทพฯ ในหลายจุด เพราะจากการตรวจสอบวัตถุพยานหลายชนิดนั้น ปรากฏว่ามีแหล่งที่มาและรุ่นการผลิตในล็อตเดียวกันตรงกันกับพยานหลักฐานที่ทางตำรวจนครบาลเก็บไว้ได้จากในที่เกิดเหตุ และการจับกุมผู้ต้องดำเนินคดีในครั้งนั้นได้รับสารภาพไว้
และจากการสอบสวนพยานในพื้นที่ยังทราบว่า ได้มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองได้เตรียมการที่จะนำอาวุธเหล่านี้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ อีก โดยเพิ่งจะมีการเคลื่อนไหวนำเข้ามาซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากจุดที่พบวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนเหล่านี้นั้น เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามจังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปทุมธานี และยังเป็นพื้นที่ติดกันกับกรุงเทพฯ
ซึ่งสะดวกในการที่จะนำอาวุธสงครามเหล่านี้เข้าไปก่อเหตุในกรุงเทพฯได้ง่าย ขณะที่หน่วย อีโอดี ยังยืนยันได้ว่าการพบวัตถุระเบิดและอาวุธสงครามจำนวนมากในครั้งนี้นั้น เป็นการนำมาพักหรือซุกซ่อนไว้ไม่ใช่เป็นการนำเอามาทิ้ง เพราะอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดเหล่านี้มีสภาพพร้อมใช้งาน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
