ที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์ฯ วัดพระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง มีนายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และเจ้าศรีรัตน์ ณ ลำปาง ตัวแทนกลุ่มเจ้านายฝ่ายเหนือเชื้อสายสกุลวงศ์เจ้าเจ็ดตน นำกลุ่มทายาทลูกหลานผู้สืบสายสกุลวงศ์ฯ หัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการ ข้าราชการทั้งฝ่ายพลเรือน อัยการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนในพื้นที่อำเภอเกาะคาจากทุกตำบล/หมู่บ้านร่วมประกอบพิธีบวงสรวงถวายเครื่องสักการะโดยในการบวงสรวงได้มีการประกอบพิธี ทั้งทางพุทธศาสนา สวดทักษิณานุประทาน เพื่อบำเพ็ญบุญอุทิศส่วนกุศลถวายแด่ดวงทิพย์วิญญาณ เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม และประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงสังเวยตามโบราณประเพณี และประกอบพิธีวางพวงมาลา เพื่อเป็นการสักการะต่อดวงทิพย์วิญญาณ และสดุดีวีรกรรมสรรเสริญพระเกียรติคุณของพ่อเจ้าหนานทิพย์ช้าง วีรบุรุษแห่งเขลางค์นคร
ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนชาวลำปาง ได้ร่วมกันรำลึกถึงพระเกียรติคุณและคุณงามความดี ของพ่อเจ้าหนานทิพย์ช้าง ที่ได้มีคุณูปการต่อประชาชนและนครลำปาง ในฐานะอดีตเจ้าผู้ครองนครซึ่งในประวัติศาสตร์กู้ชาติ ได้เคยสร้างวีรกรรมอันกล้าหาญทำการต่อสู้กับศึกพม่า ช่วยกอบกู้บ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของพม่า ทำให้บ้านเมืองลำปางเป็นปกติสุขร่มเย็นและเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
สำหรับงานฮีตป๋าเวณีเจ้าหม่อนทิพย์ช้าง ถือเป็นกิจกรรมงานประเพณีปฏิบัติที่ทางกลุ่มเจ้านายฝ่ายเหนือเชื้อสายสกุลวงศ์เจ้าเจ็ดตน และประชาชนชาวลำปาง ได้ร่วมกระทำจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้ได้จัดงานต่อเนื่องครบรอบเป็นปีที่ 55 ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ลูกหลานชาวล้านนาและชาวลำปางได้ยึดถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญของชาวเหนือ ให้ประชาชนคนไทยล้านนาได้รำลึกถึงวีรกรรมสำคัญของพ่อเจ้าหนานทิพย์ช้างเมื่อครั้งในอดีต เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง และรู้สำนึกในการที่จะสร้างคุณความดีให้เกิดแก่บ้านเมือง โดยในส่วนพระประวัติ เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม มีนามเดิมว่า “ทิพย์จักร” มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เป็นพรานป่าผู้มีความสามารถ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด กำลังกายแข็งแรง รู้จักและชำนาญในการใช้อาวุธ
ซึ่งในระหว่างปี พ.ศ 2270 – 2275 ในสมัยนั้นชาวนครลำปางได้ถูกข้าศึกพม่าเข้ามายึดครอง เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม ได้นำทัพเข้าต่อสู้ศัตรูผู้รุกรานจนได้รับชัยชนะ และได้รับสถาปนาขึ้น ครองนครลำปาง ในปี พ.ศ. 2275 รวมระยะเวลายาวนานถึง 27 ปี โดยได้ถึงแก่พิราลัยในปี 2302 รวมอายุได้ 85 ปี เป็นต้นตระกูลของเจ้าเจ็ดตน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสกุล ณ ลำปาง ณ ลำพูน ณ เชียงใหม่ และสายสกุลอื่นๆ (อาทิ ณ น่าน ณ เชียงตุง หมื่นเหล็ก และ ลังกาพินธุ์ ฯลฯ เป็นต้น)
