ผบ.ทบ.กำชับกองกำลัง รปภ.ชายแดนใต้ เน้นภาคประชาชนมีส่วนร่วม เผยสถานการณ์ดีขึ้น แต่อย่าประมาท
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 มีค. พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสารท ผบ.ทบ. พร้อมคณะนายทหารระดับสูงจากกองทัพบก เดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยกำลังในพื้นที่ และร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ถึงระดับ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน และหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยในการประชุมครั้งนี้ พลโท ปิยะวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รายงานสรุปสถานการณ์โดยทั่วไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึงความคืบหน้าในคดีความมั่นคงสำคัญ ๆ อทิ กรณีการจับกุมผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 43 ในพื้นที่ อ.หนองจิก เมื่อวันที่ 10 มค. ที่ผ่านมา เหตุลอบวางระเบิดโดยคนร้ายใช้รถจักรยานในการก่อเหตุ ในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.สายบุรี อ.ยะหริ่ง เหตุเกิดวันที่ 11 กพ. และการตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบระเบิด จำนวนมาก ในพื้นที่ อ.หนองจิก เมื่อวันที่ 23 มค. ซึ่งทั้ง 3 คดี ชุดปฏิบัติการณ์ร่วมสามารถขยายผลนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องการมากกว่า 20 ราย และออกหมายจับอีกหลายราย นอกจากนี้ยังได้รายงานผลความคืบหน้าการปฏิบัติงานโครงการพาคนกลับบ้าน ซึ่งตั้งแต่ห้วงเดือนตุลาคม 2560 จนถึงปัจจุบันมีผู้ที่เข้ามารายงานตัวและร่วมโครงการแล้ว จำนวน 412 รายในจำนวนนี้ เป็นผู้มีหมายจับคดีความมั่นคง กว่า 203 ราย และผู้ที่มีหมาย พรก. จำนวน 191 ราย ส่วนที่เหลือเป็นบุคคลที่หลงผิดและเข้ามารายงานตัวเข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ที่เข้ามาติดต่อเพื่อขอเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสารท ผบ.ทบ. ระบุว่า สถานการณ์โดยรวมหลังจากที่ได้รับรายงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา ยอมรับว่า สถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ถึงแม้ว่ายังคงมีเหตุก่อกวนบ้างในบางพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมดูแลได้ ทั้งนี้เพราะฝ่ายกลุ่มก่อเหตุรุนแรงพยายามคัดค้านเรื่องโครงการพาคนกลับบ้านและกรณีที่คณะโอไอซีลงมาพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งตนได้กำชับให้หน่วยความมั่นคงติดตามคดีสำคัญ ๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนปอเนาะที่เป็นแหล่งบ่มเพาะกลุ่มเยาวชนให้หลงผิดก็ต้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาโดยด่วน เพราะเกรงว่าเยาวชนจะหลงผิดแล้วร่วมขบวนการ
ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบนั้น ตนได้ย้ำให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยตรวจสอบบุคคลของหน่วยอย่างเคร่งครัด ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื้อสัตย์ แต่ภาพโดยรวมสถานการในขณะนี้ดีขึ้นแต่อย่าประมาท อาจเป็นเพราะการบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ทำให้ประชาชนมีความอุ่นใจและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องกำชับให้หน่วยกำลังในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฝ้าระวังและหาข่าวความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับภาคประชาชนในพื้นที่ในการสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติ และบุคคลต้องสงสัย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: