ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสำนักงาน คปภ.และบริษัทประกันภัยมอบเงินค่าสินไหมทดแทนให้กับญาติผู้ประสบอุบัติเหตุเหยื่อรถทัวร์มรณะ18 ศพรวมจำนวนกว่า 23 ล้านบาท ขณะที่ตำรวจชุดสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ยกทีมเดินทางเข้าสอบปากคำผู้โดยสารที่รอดชีวิต
จากกรณีรถทัวร์เช่าเหมา หมายเลขทะเบียน 30-0161 กาฬสินธุ์ ของบริษัทกันเองทัวร์เสียหลักข้ามเกาะกลางถนนชนแผงสินค้าต้นไม้ริมทางและพลิกคว่ำ บริเวณทางหลวงหมายเลข 304 ตอน (กบินทร์บุรี-ปักธงชัย) บริเวณโค้งมะกรูดหวาน ช่วง กม. 242 + 000 บ้านห้วยเค็ม ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ทำให้ผู้โดยสารชีวิต 18 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวญาติพี่น้องกันเป็นชาว ต.ห้วยโพธิ์ และ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยบรรดาญาติพี่น้องได้ทำพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตไปแล้ว 18 รายไปแล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 มีนาคม 2561 ที่สำนักงาน นายคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จ.กาฬสินธุ์ ถนนกุดยางสามัคคี ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย มอบหมายให้นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค ร่วมกับนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายประเสริฐ ทัศนาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการภาคอาวุโส สนง.คปภ.ภาค 3 (ขอนแก่น) นายรัชโยธิน มีพันลม ผอ.สนง.คปภ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย และภาคีเครือข่ายร่วมกันมอบเงินค่าสินไหมทดแทนให้กับญาติ ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมและผู้รับประโยชน์ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้ง 18 ราย ตามกรมธรรม์ประกันภัยรวมเป็นเงิน 23,840,802 บาท
นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค กล่าวว่า สำหรับอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ผู้โดยสาร ซึ่งเป็นชาว จ.กาฬสินธุเสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บอีก 31 ราย ซึ่งหลังจากทราบข่าวนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคปภ.ได้สั่งการให้สำนักงานคปภ.ที่เกี่ยวข้องใน จ.กาฬสินธุ์ จ.นครราชสีมา และส่วนกลางบูรณาการร่วมกัน พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และบริษัทประกันภัยจนสามารถดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทโดยธรรมและผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็วไม่เกิน 6 วัน จากเดิมที่จะต้องให้เวลาประมาณไม่เกิน 15 วัน โดยในวันนี้สำนักงาน คปภ.ร่วมกับจังหวัดกาฬสินธุ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทประกันภัยรวม 6 บริษัทจัดพิธีมอบเงินเยียวยาความเสียหายให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตครบทั้ง 18 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 23,840,802 บาท
ประกอบด้วยบริษัทอาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอนเงินสินไหมทดแทน ตามกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสอบภัยจากรถและกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจวงเงินสูงสุดทั้ง 18 รายๆละ 650,000 บาท รวม 11,700,000 บาท, บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)มอบเงินสินไหมทดแทนมรณกรรมสัญญาประกันชีวิต 5 ราย เป็น 11,600,802 บาท , บริษัทชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 4 รายๆละ 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 400,000 บาท , บริษัทกรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน)มอบสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 1 ราย เป็นเงิน 200,000 บาท และบริษัทสยามซิตี้อินชัวรันส์ จำกัด (มหาชน) มอบสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันอุบัติเหตุนักเรียน 1 ราย จำนวน 100,000 บาท
นายชนะพล กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทั้ง 31 รายนั้น สำนักงานคปภ.จะเร่งติดตามดูแลให้ได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยความเป็นธรรม พร้อมกับเปิดศูนย์รับเอกสารผู้บาดเจ็บที่สำนักงานคปภ.กาฬสินธุ์ ที่มีความประสงค์ที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและค่ารักษาพยาบาล โดยสามารถนำบัตรบัตรประชาชน ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล และใบรับรองแพทย์ระบุอาการบาดเจ็บที่ระบุจำนวนวันที่นอนรักษา มายื่นได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รับชดใช้ค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลตามความเป็นจริง ตามพรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ภาคบังคับรายละ ไม่เกิน 80,000 บาท และหากประสงค์ที่จะเรียกร้องค่าชดใช้กรณีต้องพักรักษาตัวนานทำให้ต้องสูญเสียรายได้ก็สามารถยื่นเรื่องขอค่าชดใช้ตาม พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ภาคสมัครใจได้อีกด้วย ส่วนกรณีการสูญเสียอวัยวะนั้นจะได้รับเงินการช่วยเหลือ 200,000 บาท แต่หากพิการจะคุ้มครอง 300,000 บาท เท่ากับผู้เสียชีวิต
ด้านนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของพี่น้องชาว จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ระดมทุกหน่วยงานเข้าให้การช่วยเหลือ จนเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาต่อและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะคนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอยู่แล้ว และต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงไปดูแลและให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจำนวนมาก หรือครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิตเกือบทั้งครอบครัว เพื่อให้กำลังใจกันและกันและมอบหมายให้สำนักงานสาธารณะสุขและโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องการรักษาพยาบาลและการส่งตัวมารักษาต่อทุกราย
ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่ห้องประชุมชัยสุนทรตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.บุนรัตน์ สังข์เสวี รองผกก.สอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ หัวหน้าชุดสอบสวน นำทีมพนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ จ.นครราชสีมา มาทำการสอบปากคำผู้โดยสารที่อยู่ในเหตุการณ์ที่รอดชีวิต และญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีทางอาญากับ นายกฤษณะ จุฑาชื่น คนขับรถ และจะสอบสวนให้ชัดเจนว่า ในวันเกิดเหตุ กันเองทัวร์ ได้ใช้คนขับรถกี่คนและทำไมถึงปล่อยให้มีการเสพยาบ้า เพื่อหาสาเหตุการกระทำความผิดที่ชัดเจนต่อไป โดยมีพล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.โสภณ วารี รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และพ.ต.อ.ชาตรี ปรีชากุล รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์คอยให้กำลังใจและอำนวยความสะดวก
พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในการสอบสวนครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อำนวยความสะดวกให้กับทางญาติผู้ตายไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปให้ปากคำที่ จ.นครราชสีมา จึงได้จัดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำญาติในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวนญาติผู้ตายทุกคนและรวบรวมเอกสาร หากญาติของผู้ตายคนไหนมีทรัพย์สินสูญหายก็ขอให้แจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อที่จะให้ทีมสืบสวนทำการติดตามทรัพย์สินมาให้
ขณะที่นางสาวปวีณา วังพิกุล อายุ 26 ปี ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะในครอบครัวที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันต้องมาจบชีวิตลงพร้อมกันมากถึง 4 คน ทั้งพ่อ แม่ และหลานอีก 2 คน อีกทั้งยังมีพี่สาวและหลานที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีญาติที่ใกล้ชิดเสียชีวิตอีก 3 ราย รวมทั้งหมด 7 ราย ซึ่งตอนนี้ทางญาติต้องช่วยปลอบใจและให้กำลังใจกันและกัน พร้อมกับแบ่งหน้าที่กันทั้งด้านจัดการฌาปนกิจและดูแลผู้บาดเจ็บไปก่อน ซึ่งต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงาน คปภ.และหน่วยงาน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือและช่วยเร่งรัดในเรื่องเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ส่วนตัวรวมทั้งญาติพี่น้องคงไม่กล้าที่จะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถทัวร์อีกแล้ว เพราะทุกคนกลัว อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินคดีคนขับรถหรือเจ้าของรถนั้นก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และอยากฝากไปถึงผู้ที่ขับรถทัวร์และเจ้าของต้องมีความรับผิดชอบและเอาใจใส่ให้มากกว่านี้โดยเฉพาะการคัดเลือกผู้ทำหน้าที่ขับรถ จะต้องมีความพร้อมทุกด้าน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะทุกชีวิตโดยสารนั้นเปรียบเสมือนฝากไว้ที่คนขับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: