งูเห่ากัด ลุงวัย 68 ปีชาวอ.ห้วยยอด จ.ตรัง ขณะไปเก็บมะนาวในสวนข้างบ้านลูกสาว ไปพบแพทย์โรงพยาบาลห้วยยอดแต่ไม่ฉีดเซรุ่มให้ ได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยมีหัวหน้าพยาบาลจากโรงพยาบาลห้วยยอดมาร่วมรดน้ำศพ ฝ่ายญาติเผยยอมเจรจาเพราะไม่มีเงินสู้คดีความ
งูเห่ากัด : วันที่ 9 ส.ค.62 เวลา 18.29 น. ที่วัดห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นางสุพิศ ทองแท้ อายุ 49 ปีพร้อมน้องสาวและญาติ ๆ ได้จัดพิธีรดน้ำศพของนายจำรัส ซุ่นสั้น อายุ 68 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 12.56 น. วันนี้(9 ส.ค.62) ที่โรงพยาบาลตรัง โดยแพทย์ลงความเห็นว่าติดเชื้อแทรกซ้อนจากแผลถูกงูกัด ทำให้เสียชีวิต
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายจำรัส ซุ่นสั้น ถูกงูเห่าฉกเข้าที่เหนือตาตุ่มขวาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ญาติได้นำตัวส่งโรงพยาบาลห้วยยอด โดยตีงูเห่าตัวดังกล่าวจนตาย นำมาให้แพทย์ด้วย แต่แพทย์ไม่ดู และไม่ได้ฉีดเซรุ่มแก้พิษงูให้กับนายจำรัส ซุ่นสั้น ตั้งแต่วันเกิดเหตุ
โดยให้เหตุผลว่าผู้ตายไม่มีข้อบ่งชี้ว่าถูกงูกัด เช่น ไม่มีอาการง่วงซึม หรือตาเบลอ จึงทำแค่ล้างแผลและให้ยาฆ่าเชื้อ แต่ระหว่างที่นอนรอดูอาการ ผู้ตายปวดท้องแต่แพทย์กลับให้ยาธาตุน้ำขาวมากิน จนกระทั่งวันที่ 4 ก.ค. 62 ผู้ตายเกิดอาการทรุดหนัก บาดแผลที่ถูกงูกัดเริ่มเปื่อย เนื้อรอบบาดแผลเริ่มตายเป็นวงกว้าง
แพทย์จึงไปเบิกเซรุ่มมาฉีดให้และนำตัวส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลตรัง ในวันเดียวกัน ก่อนจะตัดแต่งเนื้อที่เน่าเปื่อยออกไป แต่อาการนายจำรัส ซุ่นสั้น เริ่มทรุดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ 9 ส.ค.62 รวมเวลารักษาตัวอยู่ 2 โรงพยาบาลนานถึง 40 วัน
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. นางพจนา วงศ์สว่างศิริ หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลห้วยยอด พร้อมด้วยนายสมัคร ตันกุลโรจน์ ประธาน อสม.อำเภอห้วยยอด และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลห้วยยอด ได้เดินทางมารดน้ำศพในฐานะตัวแทนของผู้อำนวยการโรงพยาบาลห้วยยอด เนื่องจากติดภารกิจด่วนที่กรุงเทพฯ
โดยนางพจนา วงศ์สว่างศิริ หัวหน้าพยาบาลฯ กล่าวว่า ท่าน ผอ.ติดราชการที่กรุงเทพฯ ตนมาในนามคนรู้จักกันและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเฝ้าติดตามตั้งแต่วันแรก ส่วน ผอ.หลังเสร็จภารกิจคงจะเดินทางมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพด้วยตัวเอง
ด้านนางสุพิศ ทองแท้ อายุ 49 ปี บุตรสาวของนายจำรัส ซุ่นสั้น กล่าวว่า เชื่อว่าประธาน อสม.ห้วยยอดในฐานะคณะกรรมการการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการตามมาตรา 41 จะใช้จัดการให้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ตั้งตัวเลขไว้ คงต้องคุยกันอีกครั้งหลังเสร็จงานศพของบิดา
แต่หากได้รับความเป็นธรรมและเงินเยียวยาตามความเหมาะสม ยืนยันว่าจะไม่ฟ้องหากไม่จำเป็น เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมากและเสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาล อีกทั้งครอบครัวของตนก็ยากจน
