นครพนม – วันที่ 11 สิงหาคม 2562 เวลา 06.00 น. บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2/ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมกิจกรรม ปล่อยจักรยาน ปั่นบูชาพระธาตุพนม เพื่อรำลึกเกี่ยวกับวันสำคัญที่พุทธศาสนิกชน ยังคงจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากอดีตถึงปัจจุบัน
ย้อนหลังไปเมื่อ 44 ปีที่แล้ว คืนวันที่ 11 สิงหาคม 2518 เวลา 19.38 น. ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สร้างความเสียใจให้กับชาวพุทธทั่วโลก คือเป็นวันที่พระธาตุพนมพังทลายลงมาทั้งองค์ แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ เพราะชาวพุทธศาสนิกชนได้พบผอบที่บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า ตามตำนานพระอุรังคธาตุบันทึกไว้จริง จึงสร้างปลาบปลื้มแก่ผู้นับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อถึงวันดังกล่าวประชาชนชาวนครพนม ซึ่งถือว่าเป็นลูกหลานของพระธาตุพนม จึงร่วมกับพุทธศาสนิกชน จัดกิจกรรมปั่นบูชาองค์พระธาตุพนมขึ้น โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2521 ปีนี้ครบรอบ 44 ปีองค์พระธาตุพนมล้ม ซึ่งนอกจากจะเป็นการน้อมรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ รวมถึงความสำคัญขององค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เคารพศรัทธามายาวนานกว่า 2,500 ปี ยังเป็นการร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2562 และยังถือเป็นวันแม่แห่งชาติ ซึ่งยึดถือปฏิบัติจัดกิจกรรมต่อเนื่องมาทุกปี
โดยกิจกรรมจะประกอบไปด้วย ขบวนจักรยานมีนักปั่นจากทั่วสารทิศ พร้อมด้วย นักวิ่ง รวมเกือบ 1,000 คน ที่จะเริ่มออกจากจุดสตาร์ทลานพญาศรีสัตตนาคราช ปั่นจักรยานและวิ่ง ออกจากตัวเมืองจังหวัด ไปบนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212(ถนนชยางกูร) มุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม ระยะทาง 52 กิโลเมตร เพื่อไปร่วมทำบุญรำลึกวันที่องค์พระธาตุพนมถล่ม และตลอดเส้นทางจะมีประชาชนออกมาตั้งจุดบริการอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงบริจาคปัจจัยตามกำลังศรัทธา เพื่อทำบุญถวายแด่องค์องค์พระธาตุพนม ตลอดจนน้อมใจกันทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ซึ่งตลอดทั้งวันทางวัดจะมีการจัดกิจกรรมทำบุญบูชาพระธาตุพนม และกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ไปจนถึงการจัดนิทรรศการ แสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาองค์พระธาตุพนมอีกด้วย ซึ่งก็มีประชาชนเดินทางมากราบไหว้พระธาตุพนมมากกว่าวันปกติทั่วไป
ข่าวน่าสนใจ:
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- ปิดตำนานนักเขียน "ตรี อภิรุม" ศิลปินแห่งชาติฯ เจ้าของผลงาน "นาคี"
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- ตรัง จัดใหญ่ 12 วัน งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจ.ตรัง 4-15 ธ.ค.นี้ รีแบร์นใหม่! ย้อนยุคงานเหลิมแต่แรก แสดงบินโดรนพิธีเปิด วธ.ทุ่ม 3.4 ล้าน…
พระมหากมลชัย กมโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯกล่าวว่า สำหรับองค์พระธาตุพนม จากประวัติความเป็นมานั้นตามตำนานความเชื่อ พระอุรังคนิทาน ระบุไว้ว่าสมัยหนึ่งในปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ ได้เสด็จมาทางอากาศ เพื่อไปบิณฑบาต ที่เมืองศรีโคตรบูร ประเทศลาว ภายหลังได้มาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือจุดที่ก่อสร้างองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน จากนั้นพญาอินทร์ ได้เสด็จมาทูลถาม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่าเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ในภัททกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า เช่นกันกับพระพุทธองค์ เมื่อนิพพานแล้ว พระมหากัสสะปะ ผู้เป็นสาวก จะได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้เช่นกัน
ภายหลัง พระพุทธเจ้าปรินิพาน พระมหากัสสปะ ผู้เป็นสาวกได้ร่วมกันสร้างองค์พระธาตุพนมขึ้น เพี่ออัญเชิญพระอุรังคธาตุมาประดิษฐาน ในตำนานระบุว่าเป็นปี พ.ศ.8 โดยการนำของพญาเจ้าเมืองทั้ง 5 และพระอรหันต์ 500 องค์ ซึ่งในยุคแรก ได้ก่อสร้างจากดินดิบ ก่อเป็นเตาสี่เหลี่ยม ข้างในเป็นโพรงมีประตูทั้ง 4 ด้าน จากนั้นได้มีการบูรณะเรื่อยมา โดยครั้งแรกปี พ.ศ.500 และทำการบูรณะต่อเนื่องมา รวมถึง 6 ครั้ง กระทั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้พังทลายลง เนื่องจากฐานเก่าแก่ ทำให้เป็นที่ฮือฮาเพราะได้พบเห็นผอบแก้ว บรรจุพระอุรังคธาตุ 8 องค์ ไว้ภายใน และมีการสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่ขึ้นเมื่อปี2519 ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงฐาน 4 เหลี่ยม ความสูงจากพื้นถึงยอดฉัตร 57 เมตร ฐานกว้างด้านละ 12.30เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ภายในได้บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า
หลังพระธาตุพนมล้ม เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 ต่อมาวันที่ 8 ธันวาคม 2518 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลปัจจุบัน ประกอบพิธีสรงพระอุรังคธาตุ และทอดพระเนตรซากปรักหักพังองค์พระธาตุพนม และวันที่ 25 – 26 ธันวาคม 2518 ทรงเสด็จประกอบพิธี สมโภชพระอุรังคธาตุ กระทั่งวันที่ 23 มีนาคม 2522 เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีบรรจุพระอุรังคธาตุภายในองค์พระธาตุพนมถึงปัจจุบัน
ด้าน นายพร้อมพันธ์ กุลภา นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง รายการที่นี่ศรีโคตรบูรณ์ สถานีวิทยุทหารเรือ 7 นครพนม ลูกศิษย์วัดพระธาตุพนม ผู้สานต่อกิจกรรมปั่นบูชาพระธาตุพนม กล่าวว่าสำหรับองค์พระธาตุพนม ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งชาวไทย และลาวต่างเคารพศรัทธามาแต่อดีต เชื่อกันว่าใครได้มาขอพรจะได้สมปรารถนาได้ร่มเย็นเป็นสุข ดังนั้นทุกปีในวันที่ 11 สิงหาคม ถือเป็นวันสำคัญ พวกข้าโอกาสพระธาตุพนม จะได้ร่วมจัดกิจกรรมรำลึกวันสำคัญ และวันนี้เมื่อ 44 ปีก่อนเป็นวันที่ชาวพุทธทั้งโลกได้รับทราบถึงสิ่งยืนยันว่าภายในองค์พระธาตุพนม ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.8 ภายในมีการบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้าจริง โดยพบในซากปรักหักพังขององค์พระธาตุที่ล้มลง และมีเรื่องราวปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่นครั้งสงครามอินโดจีนฝรั่งเศสขับเครื่องบินมาทิ้งระเบิดฝั่งไทย ชาวบ้านธาตุพนมไม่รู้จะไปหลบที่ไหน ก็กรูกันมาอยู่ภายในวัดพระธาตุพนมฯ ปรากฏว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดมาตกที่หน้าวัด แต่ระเบิดเหล่านั้นไม่ทำงานสักลูกเดียว ชาวบ้านจึงเชื่อเป็นปาฏิหาริย์ขององค์พระธาตุพนม ที่คอยปกปักรักษา ซึ่งถือเป็นความเชื่อศรัทธาหากใครไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองอาจจะไม่เชื่อ ซึ่งยืนยันว่าองค์พระธาตุพนมมีความศักดิ์สิทธิ์จริง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: