เพชรบุรี – มือปราบหน้าหยก พ.ต.อ. บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี อำนวยการสั่งการ ใช้เวลาแค่ 5 วัน สยบคู่หูคู่โจร น้าเขยหลานเขยชาวแม่กลอง ที่ตระเวนลักทรัพย์ทั่วภาค 7 ขยายผลจนยอมรับว่าก่อเหตุมาอย่างโชกโชน หลายพื้นที่หลายจังหวัด
ทั้งนี้การจับกุม คู่หูคู่โจร น้าเขยหลานเขยชาวแม่กลอง ที่ตระเวนลักทรัพย์ทั่วภาค 7 นี้จับได้ตั้งแต่ วันที่ 10 ส.ค.62 ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขยายผลการจับกุมและมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน วันที่ 14 สิงหาคม 2562สำหรับการขยายผลทราบว่าก่อเหตุในหลายพื้นที่ของภูธรภาค 7 เช่น สภ.เมืองเพชรบุรี ,สภ.บางโทรัต จว.สมุทรสาคร ,สภ.เมือง สมุทรสาครและอีกหลายท้องที่ฯ
ข่าวน่าสนใจ:
- คู่แข่งนอกสายตานายก ก้อย “พนธ์ มรุชพงษ์สาธร” ขอวัดดีกรีว่าที่นายก อบจ.แปดริ้ว
- หญิงไทยเสียชีวิตปริศนา แฟนต่างชาตินอนอยู่กับศพ 3 วัน ตำรวจเร่งสอบหาสาเหตุ
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขานรับนโยบายกระทรวงคมนาคม พร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
- สงขลา ไม่ทันลืมตาดูโลก! พบศพทารกเพศชายยัดถุงดำ ถูกทิ้งถังขยะ ย่านเมืองท่องเที่ยว
ในส่วนของการก่อเหตุที่เพชรบุรี เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 ส.ค. 2562 เวลาประมาณ 06.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแหลม ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ ที่บริเวณร้านเทเลวิซ เอไอเอส สาขาบ้านแหลม เลขที่ 9/17 ม.7 ต.บ้านแหลม อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบว่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายไปคือตู้เซฟภายในร้าน ซึ่งภายในมีโทรศัพท์มือถือ จำนวน 32 เครื่อง ราคารวม 138,260 บาท และเงินสด 63,670 บาท
นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินจำพวกอุปกรณ์เตือนกันขโมยสินค้า สูญหายไปด้วย และคนร้ายยังถอดเอาฮาร์ดดิสก์ของกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพภายในร้านไป เพื่อป้องกันการสืบสวนติดตาม
จากการสอบสวน สันนิษฐานว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3-5 คน ใช้เวลากลางคืนมาก่อเหตุและใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์ไป ได้ประสานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี มาตรวจที่เกิดเหตุแล้ว สามารถเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่บริเวณที่เกิดเหตุ และจากการตรวจสอบพบว่า ที่บ้านด้านข้างร้านมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดซึ่งสามารถบันทึกภาพยานพาหนะของคนร้ายและคนร้ายได้ และพบว่าเมื่อเวลาประมาณ 01.28 น.ของวันที่ 5 ส.ค.2562
มียานพาหนะที่มาก่อเหตุคือรถกระบะ ตอนครึ่ง สีเทาดำ ยี่ห้อเชฟโรเลท รุ่นโคโรลาโด มองเห็นแผ่นป้ายทะเบียนไม่ชัด และมีคนร้ายมากับรถคันดังกล่าวประมาณ 3-4 คน โดยได้มาจอดหน้าร้านที่เกิดเหตุ หลังก่อเหตุขับรถมุ่งหลบหนีไปทางถนนสายบางตะบูน มุ่งหน้าออกสมุทรสงคราม โดยนำตู้เซฟขึ้นกระบะท้าย
เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ย้อนหลังไปถึงวันที่ 3 ส.ค.62 พบว่ามีรถที่น่าเชื่อว่าคือรถคันก่อเหตุมาซุ่มดู โดยรถคันดังกล่าวติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 ฒส-6929 กทม.(ทะเบียนดังกล่าวทราบภายหลังว่าเป็นทะเบียนของรถคันอื่นแต่มียี่ห้อ สีตรงกัน ซึ่งติดอำพราง แท้ที่จริงแล้วรถคันดังกล่าวคือทะเบียน ฒถ-1252 กทม. ซึ่งเป็นรถของนายอรรถสิทธิ์ ดิษฐสมบูรณ์ สำหรับ ทะเบียน 1 ฒส-6929 กทม.นั้น เป็นของนายรังสรรค์ เดชทวีฤทธิ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง ใช้ในพื้นที่ กทม. แต่เป็นรถยี่ห้อสีเดียวกัน
จากข้อมูลที่ได้สอบสวนและสืบสวนข้างต้น จึงน่าเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ ประกอบด้วย นายอรรถสิทธิ์ ดิษฐสมบูรณ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24หมู่ที่ 5 ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และ นายเศกสรรค์ นาคบุตร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/3 หมู่ที่ 7 ต.บางพรม อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ส่วนผู้ต้องหาอีกคนทราบเพียงชื่อเล่นว่านายกล๊อฟหรือบอย ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง
ต่อมาวันที่ 10 สิงหาคม 2562 พนักงานสอบสวนได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนเข้าจับกุมทั้ง 2 คนได้พร้อมๆ กัน ได้ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม พร้อมของกลางที่เป็นอุปกรณ์งัดแงะ และรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดโดย “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้น เข้าไปด้วยประการใดๆ” จากนั้นนำส่ง พ.ต.ต.ณรงค์รัชช์ ภัทรวิกรัยกุล พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแหลม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้การปฏิบัติการ สยบโจรขโมยตู้เซฟดังกล่าว พล.ต.ต.เทียนชัย คามะปะโส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้มอบหมายให้ มือปราบหน้าหยก พ.ต.อ. บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี อำนวยการสั่งการ พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.บ้านแหลม ให้สั่งการเ จ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแหลม ,เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางคนที จ..สมุทรสงคราม โดยผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจสามารถสืบสวนสอบสวน ใช้เวลาเพียง 5 วัน ก็สามารถจับกุมคนร้ายและขยายผลการจับกุม โดยคนร้ายสารภาพว่าได้ตระเวนลักทรัพย์ อีกหลายจังหวัด ทั้งนี้จะได้นำตัวไป สอบสวนขยายผลต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: