เชียงราย-ตั้งข้อหาเบาหวิวแค่วิ่งราวทรัพย์ ตั้งโต๊ะแถลง ผู้ต้องหาสำนึกผิดเข้ามอบตัวนำเงินมาคืนครบตามจำนวน ขณะที่สังคมยังมึนตึ๊บ ตำรวจไม่ยอมเปิดเผยชื่อผู้ต้องหา
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (20 ส.ค. 62) พ.ต.อ.ประจัญ ปัญญาแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ ปฏิบัติการ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ณ บก.ภ.จว.เชียงราย ได้เปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีที่มีคนร้ายได้บุกวิ่งราวทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกพ่อขุนฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เงินสดไปจำนวน 285,000 บาท โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุและเห็นภาพใบหน้าอย่างชัดเจน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบและกดดันจนคนร้ายยอมออกมามอบตัว
ข่าวน่าสนใจ:
พ.ต.อ.ประจัญได้กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 19 ส.ค. เวลาประมาณ 05.00น โดยผู้ต้องหาเกิดสำนึกผิดหลังจากที่ได้กระทำไปและได้ปรึกษาญาติพี่น้อง และได้พาเข้ามามอบตัว และแจ้งแก่สื่อมวลชนว่าผู้ต้องหาได้ขอใช้สิทธิ์ที่จะไม่เปิดเผยหน้าและชื่อของตัวเอง เพียงแต่เปิดเผยว่าผู้ต้องหาเป็นชาย อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305/17 หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมือง เชียงราย มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยในวันที่เกิดเหตุได้นำเงินจำนวน 3,500 ขึ้นไปแลกเป็นแบ็งค์ร้อยบนธนาคาร เพื่อจะนำไปจ่ายคนงาน ขณะที่แลกเงินอยู่นั้นผู้ต้องหาได้เห็นเงินจำนวนมากได้วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ประกอบกับมีปัญหาทางด้านการเงินที่จะต้องนำไปจ่ายให้กับคนงาน และอ้างว่าพ่อที่กำลังป่วยจึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนไม่สามารถให้ข้อมูลในเบื้องลึกได้ ซึ่งอาจจะมีผลทางรูปคดี ในขั้นต้นได้ตั้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ส่วนเงินที่ได้ไปจำนวน 280,500 บาท ยังอยู่ครบและได้นำมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว ส่วนเรื่องการประกันตัวก็สามารถที่จะใช้สิทธิ์ตามกฏหมายได้ แต่ขณะนี้ยังอยู่ควบคุมตัวไว้ในระหว่างการสอบสวน ก่อนจะนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดการวิพากษ์การแถลงข่าวในหมู่ประชาชนเป็นจำนวนมากที่ทราบข่าวนี้ โดยก่อนหน้านั้น ในวันเกิดเหตุ สื่อมวลชนแทบทุกสำนักรายงานข่าวตรงกันว่า ผู้ต้องหาได้ปฏิบัติการอย่างอุกอาจโดยมีการใช้อาวุธมีดในการปฏิบัติการข่มขู่พนักงาน และ รปภ.ประจำธนาคารเพื่อกระทำการชิงทรัพย์จนสำเร็จ
ก่อนวิ่งข้ามถนนหลบหนีไปได้ แต่ในคลิปที่มีการเผยแพร่ออกมายังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีการใช้อาวุธในการก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งแนวทางการสอบสวนจะต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงต่อไป จนนำไปสู่การตั้งข้อหาเพิ่มได้ ส่วนเรื่องการปกปิดรายชื่อผู้ต้องหาที่ทางตำรวจไม่ยอมเปิดเผยชื่อนั้น เชื่อว่าคงเป็นไปตามกฏหมายและแนวทางการสอบสวน แต่คงอีกไม่นานทางตำรวจคงจะเผยแพร่ให้ทราบ ซึ่งจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: