X
ปณิดา ยศปัญญา

มมส.บอบช้ำพอแล้ว “แบม”วอนเลิกระบบอุปถัมภ์

กีดกันประธานสภาคณาจารย์ม.มหาสารคามเป็นกก.สอบจรรยาบรรณอาจารย์ฟาดหลังนิสิต โดยอ้างว่าไม่มีความเป็นกลางเพราะเคยมอบโล่เชิดชูเกียรตินิสิตที่ร้องเรียนทุจริตในศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง 

ด้วยความรักต่อมหาวิทยาลัย“ปณิดา ยศปัญญา”หรือน้องแบม วอนอย่าเห็นแก่ระบบอุปถัมป์เพราะจะส่งผลเสียหายต่อส่วนรวม พร้อมเดินหน้าขอความเป็นธรรมกับตัวเอง และให้ข้อมูลการทุจริตต่อไป

ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม เตรียมยื่นขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังพบว่าการสอบข้อเท็จริงกรณีที่เธอร้องเรียนการทุจริตในศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งของมหาวิทยาลัยมีการบิดเบือน #น้องแบม #ทุจริต #โกงคนจน

โพสต์โดย 77ข่าวเด็ด เมื่อ วันพุธที่ 4 เมษายน 2018

คุยกับปณิดา ยศปัญญา หรือ”น้องแบม”นิสิตปี4 ม.มหาสารคาม อีกรอบหลังผลสอบข้อเท็จจริงของมหาวิทยาลัยกับอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าภาควิชา ถูกร้องร้องเรียนว่าพานิสิตฝึกงาน 4 คนที่ไปรับรู้การทุจริตในศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งจ.ขอนแก่นให้ไปกราบเจ้าหน้าที่ และมีการใช้มือฟาดหลังนิสิต และผลการสอบแถลง19 มีนาคม 2561 ใน6 ประเด็นก็เพียงผิวเผินไม่ชี้ชัดความผิดปกติอะไรมากมาย และต่อด้วยการสอบจรรยาบรรณอาจารย์คนเดิมโดยกรรมการอีกชุดก็มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อ1 คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนของสภาคณาจารย์ ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ ถูกผู้ถูกสอบจรรยาบรรณคัดค้านอ้างว่าไม่เป็นกลางเพราะมีพฤติกรรมฝักไฝ่น้องแบม โดยมีการทำพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติในนามสภาคณาจารย์

ปณิดา พูดถึงเรื่องนี้ว่าตั้งแต่การสรุปรอบแรก 19 มี.ค.เธอก็พอรู้ว่ามีเรื่องผิดปกติ เพราะใน 6 ประเด็นที่สรุปมีเรื่องเดียวที่อาจารย์ยอมรับคือการใช้มือฟาดหลังจริง แต่เป็นเพียงการหยอกล้อเล่น ซึ่งความจริงไม่ใช่การหยอกล้อเพราะการฟาดหลังอาจารย์ยังพูดด้วยว่า” ทำอะไรไม่เคยปรึกษา” และเมื่อผลสอบออกมาก็ทำเรื่องคัดค้านไว้แล้ว โดยเฉพาะประเด็นการห้ามนักศึกษาแชร์ข่าวเรื่องการทุจริตในศูนย์ฯที่อาจารย์อ้างว่าได้รับการประสานจากป.ป.ท.มาเพราะเกรงจะผิดพรบ.คอมว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

กรณีการห้ามนิสิตแชร์ข่าว ปณิดาบอกว่าการอ้างป.ป.ท.ขอความร่วมมือไม่ใช่ความจริง เพราะปลายปี2560 ก่อนที่เรื่องการสอบทุจริตจะเป็นข่าวสู่สาธารณะช่วงเดือน ก.พ.2561 ป.ป.ท.มีหนังสือมาถึงมหาวิทยาลัยสอบถามความคืบหน้าในการดำเนินการของมหาวิทยาลัยว่าดำเนินการถึงไหนหลังนิสิตฝึกงานไปแจ้งความกับตำรวจและให้ข้อมูลกับ ป.ป.ท.ไม่ใช่การขอไม่ให้แชร์ข่าวตามที่ระบุในสำนวนสอบสวน

ในประเด็นนี้ปณิดา มองว่าเป็นความพยายามของการช่วยเหลือกันตั้งแต่แรก เพราะหลายคนพยายามทำให้เรื่องการตรวจสอบการทุจริตศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งให้อยู่ในวงกรอบของหน่วยงานราชการกันเองซึ่งจะทำให้การสอบสวนจำกัดวงและอาจจะไม่พบใครกระทำความผิด แต่เมื่อเรื่องนี้ออกไปสู่องค์กรตรวจสอบภายนอก ทั้งป.ป.ท. ,ป.ป.ช.ทำให้การปิดเรื่องการทุจริตทำยากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การสอบสวนยังพบความพยายามที่จะช่วยเหลือกัน

เธอบอกว่าผลการสอบจรรยาบรรณ อาจารย์หัวหน้าภาควิชาที่จะมีผลต่อเนื่องกับการสอบทางวินัย จะออกมาอย่างไรเธอเริ่มจะไม่สนใจเท่าไหร่เพราะพอรู้ผลมาแต่แรก แต่ก็อยากให้ผู้รับผิดชอบทำให้ถูกต้องเพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อมหาวิทยาลัย หากใครก็ตามที่มอบโล่เชิดชูเกียรติให้เธอแล้วก็คิดว่าเป็นพวกเดียวกันหมดก็ไม่ถูกต้อง เพราะต้องคิดว่าในสิ่งที่เธอทำหน้าที่ให้กับสังคมคืออะไร ทำต่อมหาวิทยาลัยอย่างไร ต้องแยกแยะระหว่างคนที่ยินดีกับการกระทำของเธอด้วยการมอบโล่เชิดชูเกียรติกับการสอบจรรยาบรรณ เพราะขณะนี้สังคมภายนอกมองมาที่มหาวิทยาลัยในมุมลบมากพอแล้ว การอยู่กันแบบระบบอุปถัมป์จึงมีความเสี่ยงในการรับสมัครเข้าเรียนในปีต่อไป จึงไม่อยากให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียงมากไปกว่านี้ เธอยังรักมหาวิทยาลัย แต่ขอให้ทำให้ถูกต้องแค่นั้น

วันที่ 17 เม.ย.นี้ ปณิดา มีกำหนดเข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ก่อนหน้านี้เธอต้องไปที่ป.ป.ท.เพื่อให้ข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง ที่ขณะนี้ตรวจพบการทุจริตในศูนย์ฯถึง56 จังหวัดในวงเงินงบประมาณกว่า 503 ล้านบาท เธอบอกว่าได้เตรียมหนังสือขอความเป็นธรรมไปด้วย ซึ่งต้องดูว่านายกรัฐมนตรีจะพูดกับเธอเรื่องอะไร และอยากให้ทำอะไร ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องนี้ก็จะถือโอกาสยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันนั้นเลย แต่หากไม่มีโอกาสก็จะยื่นต่อ รมว.ศึกษาธิการ.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of นิกร จันพรม

นิกร จันพรม

ทำงานข่าวต่อเนื่องหลากหลายทั้งสายข่าวอาชญากรรม สาธารณสุข การเมือง ภูมิภาค กว่า20ปี ผ่านสื่อยุคเก่าทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ สำนักข่าว ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่สื่อออนไลน์