เพชรบูรณ์-กลุ่มต้านเหมืองแร่ ยื่นหนังสือ”สันติ”รมช.คลัง ค้านออกใบอนุญาตสำรวจแร่ให้ บ.ทุนข้ามชาติ ด้านกลุ่มชาวไร่อ้อย-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้รัฐบาลช่วยประกันรายได้อ้างราคาตกต่ำ-ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
เวลา 09.00 น.วันที่ 23 สิงหาคม ที่หอประชุมอำเภอหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) ซึ่งลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมพบปะกลุ่มมวลชนรวม 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มต่อต้านเหมืองแร่, กลุ่มชาวไร่อ้อยและกลุ่มผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเขตพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จำนวนกว่า 500 คน เพื่อรับฟังปัญหาและรับหนังสือร้องเรียนและข้อเรียกร้องขอให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือ และขอให้นายสันติประสานไปยังกระทรวง ทบวง กรมต่างๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ทั้งนี้มีส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐทั้ง 5 คนและนายอัครเดช ทองใจสด นายกอบจ.เพชรบูรณ์ ร่วมลงพื้นที่กับนายสันติด้วย โดยนายสืบศึกดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์นำลงพื้นที่และพบปะมวลชนกลุ่มต่างๆ และกำนันผู้ใหญ่บ้านในเขตท้องที่อ.หนองไผ่ที่มาให้การต้อนรับ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
สำหรับประเด็นข้อเรียกร้องของกลุ่มต้านเหมืองแร่ต้องการให้กระทรวงอุตสาหกรรม ระงับการพิจารณาออกใบอนุญาตอาชญาบัตรสำรวจแร่โลหะหนักจำนวน 14 แปลงรวมเนื้อที่ครอบคลุมในเขตอ.เมือง, หนองไผ่และชนแดนจำนวน 43,729 ไร่ ที่บริษัททุนข้ามชาติได้ยื่นคำขอรอบใหม่ไว้ที่กระทรวงอุตฯ โดยเกรงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะเป็นพิษ และยังส่งผลถึงวิถีชีวิตและชุมชนล่มสลาย พื้นที่ขอสำรวจแร่เป็นพื้นที่การเกษตร ขณะเดียวกันเพชรบูรณ์โดดเด่นในด้านการท่องเที่ยว จึงไม่ต้องการให้มีการทำกิจการใดๆ เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่โลหะหนักเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์
ส่วนกลุ่มชาวไร่อ้อยอ้างวาาหลังรัฐบาลที่ผ่านมาปบ่อยลอยตัวราคาอ้อยทำให้ราคาตกต่ำ จึงจอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนราคาอ้อยขั้นต้นในฤดูกาลผลิต 2562/2563 ตันละ 1,000 บาทที่ความหวาน 10.00 ซีซีเอส และขอผ่อนปรนให้บรรทุกอ้อยเข้าโรงงานสูง 4 เมตร รวมทั้งผ่อนปรนเรื่องอ้อยไฟไหม้ ด้านกลุ่มปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังเกษตรกรประสบภัยแล้งและกนอยกระทู้ลายจุดระบาดทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงให้รัฐบาลประกันรายได้ราคาข้าวโพดความชื้น 14.5% กิโลกรัมละ 9 บาทครอบครัวละ 30 ไร่และให้ผลักดันการกำจัดหนอนลายจุดเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้นายสันติได้ตอบรับปัญหาดังกล่าวและรับปาดจะนำเสนอไปยังรัฐบาลและกระทรวงทบวงกรมรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
