นครพนม – สภาทนายความนครพนม ยื่นมือช่วยชาวบ้าน หลังนายทุนฟ้องบุกรุก หลังร่วมกันคัดค้านแนวโฉนดที่ออกทับห้วยหนองคลองบึง
วันที่ 27 สิงหาคม 2562 บริเวณสำนักงานสภาทนายความจังหวัดนครพนม ภายในสวนชมโขง ถนนอภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม ชาวบ้านห้วยพระ หมู่ 9 และ หมู่ 14 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จำนวน 7 คนที่ถูกบริษัทเกษตรปิยมิตร โดยนายวิศิษฐ์ จิรภิวงศ์ ยื่นฟ้องข้อหาบุกรุกที่ดิน ขณะช่วยกันระวังแนวเขตที่สาธารณะของหมู่บ้านที่ถูกกลุ่มทุนออกโฉนดทับ ได้เข้ายื่นหนังสือขอรับการช่วยเหลือด้านคดีจากสภาทนายความจังหวัดนครพนม โดยมี นายธนคม รัตนเมธาวงศ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครพนมเป็นผู้รับเรื่อง
โดยชาวบ้านที่ถูกยื่นฟ้องทั้งหมด ประกอบด้วย นายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 นางแตงอ่อน แก้วห้วยพระ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 น.ส.ปานทอง สาเส็ง นายยุทธพงษ์ สินทา สารวัตรกำนัน ต.ท่าจำปา นายทวี สาเส็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 นายเรืองชัย วงศ์อุระ และ นายเตียง ชมภูพระ โดยทั้งหมดถูกถูกนายวิศิษฐ์ จิรภิวงศ์ เจ้าของบริษัทเกษตรปิยะมิตรจำกัด ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม ในฐานความผิดเป็นตัวการร่วมกันบุกรุกที่ดิน และศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 16 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้
ข่าวน่าสนใจ:
- ขอเชิญมาร่วมสัมผัส “ลมหนาว ริมฝั่งโขง ชมอุโมงไฟ ยาวที่สุด” ที่นครพนม
- น้องขวัญ นายก อบจ.นครพนม ลาออก ก่อนครบวาระ 3 วัน จ่อลงชิงป้องกันแชมป์
- ฝ่ายปกครอง อ.ปลาปากสนธิกำลังตร .บุกรวบหนุ่ม 20 ขาใหญ่ จำหน่ายยาบ้า โดดหลังบ้าน คว้ามีดพร้าเปิดทาง หลบหนีไปไม่รอด
- "นครพนมฮือฮา! งานศพสุดแปลก ใส่ชุดแดงฟ้อนรำส่งดวงวิญญาณ ‘เจ้แข่น’ ปิดตำนานสาวสองแห่งอำเภอนาทม
ในข้อความที่ยื่นฟ้องนายวิศิษฐ์ยอมรับว่าเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 19227,19228,19229,19230,19231,19233,19234,19235,19236,19237,19238,19242,19243,19246,19334,และ19335 รวม 16 แปลง และที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 7 แปลง รวมทั้งสิ้น 23 แปลง โดยระบุว่าที่ดินทั้งหมดมีพื้นที่ติดต่อกัน มีรั้วรอบแสดงอาณาเขตชัดเจน ใช้เป็นพื้นที่ปลูกยางพารา มีถนนเข้า-ออกเชื่อมที่ดินดังกล่าวทุกแปลง พร้อมติดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า
ในคำฟ้องนายวิศิษฐ์ เปิดเผยว่าเมื่อต้นเดือนมกราคม 2562 ได้ยื่นเรื่องขอสอบเขตโฉนดที่ดินทั้ง 16 แปลง ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน และเจ้าพนักงานที่ดินมีหนังสือแจ้งเจ้าของที่ข้างเคียงให้มาชี้ระวังแนวเขต ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 ซึ่งผู้ฟ้องอ้างว่าทั้ง 7 คน เข้าไปข่มขู่ขัดขวางช่างรังวัด ในลักษณะก่อกวน อ้างจะทำร้ายเจ้าหน้าที่รังวัดอีกด้วย จนไม่สามารถทำการรังวัดได้ จึงแต่งตั้งทนายยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนมดังกล่าว
ขณะที่นายพันธ์ ชมภูพระ เปิดเผยว่าในฐานะที่ตนเป็นผู้นำหมู่บ้าน หลังได้รับหนังสือจากสำนักงานที่ดินฯและได้รับมอบหมายจากนายอำเภอท่าอุเทน ให้มาระวังและชี้แนวเขตที่สาธารณะ ในการที่นายทุนขอสอบเขตรังวัด ก็ปรึกษากับลูกบ้านและผู้ที่ถูกนายทุนบุกรุกที่ทำกิน เห็นพ้องตรงกันว่าควรจะมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายมาร่วมสังเกตการณ์ เช่น ทหาร ตำรวจ เป็นต้น เพราะในอดีตที่ผ่านมาเคยมีการแอบรังวัดกันเอง แถมปลอมลายเซ็นเจ้าของที่ข้างเคียง พวกตนจึงไม่ไว้ใจหากไม่มีเจ้าหน้าที่ตามที่กล่าวอ้างมาร่วมด้วย
พวกเราเข้าไปชี้ระวังแนวเขตที่สาธารณะที่ถูกเจ้าหน้าที่ที่ดินออกโฉนดให้แก่นายทุน และคัดค้านแนวเขตที่มีการรังวัดเข้าไปในแนวเขตที่ดินสาธารณะเท่านั้น ไม่ได้มีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ออกมารังวัดแต่อย่างใด ก็ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใดทางบริษัทเกษตรปิยมิตรถึงได้ยื่นฟ้องพวกตน เพราะตนได้รับมอบหมายจากนายอำเภอท่าอุเทนในฐานะผู้นำชุมชนให้มาชี้ระวังแนวเขตที่ดินสาธารณะเช่นลำห้วย หนองน้ำและทางสาธารณะ หากถูกต้องก็เซ็นต์ชื่อรับรองแต่หากไม่ถูกต้องตนก็เซนต์ชื่อคัดค้านซึ่งปรากฏตามเอกสารหลักฐานที่ได้มอบให้ นายมานิตย์ มีใหญ่ นายช่างรังวัดจากสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมสาขาท่าอุเทนไปหมดแล้ว โดยพวกตนไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุที่ดินของทางบริษัทเกษตรปิยมิตรแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ที่นายทุนกล่าวหาว่านายพันธ์พาพรรคพวกบุกรุกเข้าไปในที่ดินของตน และก่อกวน ข่มขู่ จะทำร้ายเจ้าหน้าที่รังวัด ซึ่งในวันดังกล่าวช่วงเช้าชาวบ้านห้วยพระ ทั้งหมู่ 9 และ หมู่ 14 กว่า 100 คน ได้ร่วมตัวกันที่ศาลาประชาคม วัดศรีบุญเรือง เพื่อขอเข้าร่วมตรวจสอบร่วมกับผู้ใหญ่บ้านในการการออกรังวัดสอบเขต บริเวณห้วยหลงพื้นที่พิพาท ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน มีป่าบุ่งป่าทามอุดมสมบูรณ์ แต่กลับถูกบริษัทเกษตรปิยมิตร นำเสาปูนซิเมนต์มาปักเป็นแนวรั้วมาล้อมไว้ และติดป้ายชื่อบริษัทไว้ อีกทั้งในวันดังกล่าวทางบริษัท ฯ ยังได้ขอกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สภ.ท่าอุเทนมาคอยร่วมสังเกตการณ์ด้วยซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นไปตามปกติไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายใด ๆ เกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ร่วมสังเกตการณ์กับชาวบ้านจนจบ
ต่อมาวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 กลุ่มชาวบ้านได้เดินทางไปที่ สภ.ท่าอุเทน เพื่อขอคำแนะนำจาก พ.ต.อ.นที สิริวรวัชร์ ผกก.สภ.ท่าอุเทน จนได้ข้อสรุปว่าจะมีการเชิญผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรังวัด ประชุมกันที่ที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน ในวันที่ 29 พฤษภาคม 62 โดยนายทุนไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด และมีการสรุปร่วมกันในเบื้องต้นว่า ให้กำหนดวันที่ 5-8 มิถุนายน 62 รวม 4 วัน ในการออกรังวัดสอบเขต เจ้าหน้าที่ที่ดินจะดำเนินการรังวัดตรวจสอบเขตที่ดินตามคำร้องของผู้ครอบครอง โดยทางนายทุนได้มีหนังสือของรังวัดตรวจสอบแนวที่ดิน จำนวน 16 แปลง อ้างว่าเพื่อต้องการทราบจำนวนที่ดินแต่ละแปลงมีจำนวนเท่าไหร่ และหากมีการรุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์ก็จะขยับถอย ส่วนการรังวัดให้ผู้นำหมู่บ้านคือผู้ใหญ่บ้านร่วมกับชาวบ้านชี้แนวเขตที่ดินสาธารณะ บริเวณตรงไหนถูกต้องก็เซ็นรับรอง หากบริเวณตรงไหนไม่ถูกต้องก็เซ็นชื่อคัดค้าน
ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน 62 ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านจึงร่วมกันชี้แนวสอบเขตตามปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. และ อบต.ท่าจำปา ร่วมสังเกตการณ์ตลอดทั้ง 4 วัน ขณะที่ลูกน้องฝั่งนายทุน มีหน้าที่คอยบันทึกภาพผู้ที่เข้ามาในบริเวณสอบเขต เพื่อนำไปรายงานต่อเจ้านาย จนเป็นที่มาในการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม กล่าวหาว่าชาวบ้านร่วมกันบุกรุกที่ดินของตนเองดังกล่าว
ด้าน นายธนคม รัตนเมธาวงศ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครพนม หลังรับหนังสือร้องทุกข์แล้ว เปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าว ได้มอบหมายให้นางสาววรินทร วิสิฏฐยางกูร เป็นทนายอาสา สอบถามข้อเท็จจริงตามระเบียบของสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จากนั้นก็จะรีบส่งให้ส่วนกลางพิจารณา ซึ่งการมาขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความจังหวัดนครพนม ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะได้งบสนับสนุนจากรัฐบาล นำมาช่วยเหลือผู้ที่ยากจนถูกฟ้องร้องคดี “สำหรับคดีนี้หลังดูเอกสารหลักฐานเบื้องต้นแล้ว มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง แต่ต้องขอดูเอกสารของทางราชการอีกครั้ง เท่าที่ทราบชาวบ้านเคยไปขอดูเอกสาร ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมเปิดเผย คงต้องพึ่งอำนาจศาลอย่างเดียว” โดยตนจะเร่งประสานกับสภาทนายความแห่งประเทศไทยเพื่อขอรับการช่วยเหลือ โดยจะจัดหาทนายความที่มีความชำนาญเฉพาะด้านว่ารับคดีนี้ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะมีการออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณะจึงต้องให้ความสำคัญและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเป็นพิเศษ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครพนม กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: