นครพนม – วันที่ 14 เม.ย.61 ภายในบริเวณวัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ที่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่สอ ขันติโก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อายุ 113 ปี จำพรรษา และเชื่อกันว่าท่านเป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในจังหวัดนครพนมอีกด้วย มีญาติโยมจำนวนมาก เดินทางนำอาหารหวานคาวมาถวายภัตตราหารแก่พระภิกษุบนศาลาการเปรียญ ซึ่งคนใกล้ชิดเผยว่าหลวงปู่มีอาการไข้เล็กน้อย เนื่องจากวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา มีพิธีปลุกเสกพระประธานองค์ใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่ลานกว้างกลางแจ้ง และมีหมอดูฟันธงชื่อดัง เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมงานนี้ด้วย แต่ผู้ติดตามหมอดูดังกล่าวนิมนต์หลวงปู่ออกจากุฏิมานั่งรอหมอดูชื่อดัง ตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหกโมงเย็น หลังเสร็จพิธีหลวงปู่บ่นปวดเนื้อปวดตัว จึงเอายาลดไข้ให้ฉันแต่อาการยังไม่ดีขึ้น เมื่อหลวงปู่เห็นญาติโยมมากราบไหว้กันเยอะ จึงให้ลูกศิษย์พาออกไปบนศาลาการเปรียญ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมส่งพลังจิตอวยพรให้ลูกหลานในวันสงกรานต์
บ้านบะหว้าตั้งอยู่ทางแยกถนนทางหลวงชนบทสาย นพ.3014 เส้นบ้านหนองไฮ-ท่าอุเทน ในอดีตการคมนาคมยากลำบากเป็นถนนลูกรังแคบๆ ถึงฤดูน้ำหลากการสัญจรไปมาถูกปิดกั้น เพราะมีน้ำท่วมเจิ่งนองถนนรถยนต์แล่นไม่ได้ ต้องใช้เรืออย่างเดียว ต่อมามีคนค้นพบหลวงปู่สอ พระผู้มีปฏิปทา เช่น ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีอัธยาศัยดี อุปนิสัยใจคอเมตตาต่อสรรพสัตว์ จึงมีผู้ศรัทธาดั้นด้นไปกราบไหว้ ทางหลวงชนบทเห็นความสำคัญจึงเร่งขยายถนนลาดยางถึงวัด การเดินทางสะดวกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
หลวงปู่สอ ขันติโก สกุลเดิมว่า”แก้วดี” เกิดในปลายรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2448 (วันเสาร์) แรม 2 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ บ้านบะหว้า บิดาเป็นชาวลาวชื่อ”เพ็ง” มารดาเป็นคนไทยชื่อ”จันทร์” มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คน ท่านเป็นคนที่สอง ปัจจุบันพี่น้องเสียชีวิตหมดแล้ว แรกเกิดนั้นมารดาของท่านเล่าว่า หลวงปู่มีสายรกพันคอ กาลข้างหน้าจะได้บวชอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ วันหนึ่งโยมแม่พาไปกราบนมัสการองค์พระธาตุท่าอุเทน และได้พบกับหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปัณโณ ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน จึงฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และอยู่รับใช้หลวงปู่สีทัตถ์ จนได้บวชเป็นสามเณร ต่อมาท่าร่ำเรียนศึกษาวิชาต่างๆ เช่น ธรรมน้อย ธรรมใหญ่ มูลกัจจาย กรรมฐาน จนแตกฉานในพระธรรมวินัย บาลี
จนถึงปี 2468 อายุครบ 20 ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีหลวงปู่สีทัตถ์เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นยังได้ร่วมกับหลวงปู่สีทัตถ์สร้างพระบาทโพนสัน ประเทศลาว และออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆตามป่าเขาลำเนาไพร ข้ามไปมาทั้งฝั่งไทยและลาว เป็นเวลากว่า 10 ปี จนหลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 โยมแม่ล้มป่วยจึงรีบเดินทางมาเยี่ยม และเพื่อป้องกันข้อครหาท่านจึงลาสิขาออกมาดูแลอาการป่วยของโยมแม่ท่านจนวาระสุดท้าย หลวงปู่จึงได้เข้าบวชกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง และกลับไปปรนนิบัติหลวงปู่สีทัตถ์ที่ประเทศลาว จนพระอาจารย์ละสังขาร ท่านจึงกลับมาฝั่งไทยฝั่งไทยจำพรรษาอย่างถาวรที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้หลวงปู่สอยังมีศิษย์รุ่นพี่เช่น หลวงปู่จันทร์ เขมมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม เขตเทศบาลเมืองนครพนม หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้วเหนือ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน และหลวงปู่คาร คันธิโย วัดโพธิ์ชัย ต.ท่าอุเทน ซึ่งล้วนเป็นเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศ
ข่าวน่าสนใจ:
- ประชาชนแห่ เสกเหรียญหลวงปู่คำไหล ในพระมหาเจดีย์วัดดัง แห่ตีเลขน้ำตาเทียน หลังสาธุชนนับพันแห่ร่วมพิธี
- ชาวบ้านผวา พบเสือ 3 แม่ลูก ป้วนเปี้ยนในป่า 100 ไร่ใกล้ฟาร์มเลี้ยงวัว ไม่กล้าเกี่ยวข้าว-กรีดยาง วอนบุกพิสูจน์
- บุกพิสูจน์ หลังชาวบ้าน พบเสือ หนุ่ม 27 ถ่ายคลิปเสือขณะกรีดยาง
- หลวงพี่ขับเก๋งชนราวสะพาน เผยเดินทางดูแลโยมแม่ ชาวบ้านวอนหยุดดราม่า-ตรวจสอบความจริง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: