ตลาดยานยนต์ ภาคเกษตรกรรมเติบโตสวนกระแสตลาดรถยนต์ในประเทศ หลังเตรียมเร่งผุดก่อตั้งโรงงานขยายฐานการผลิตชิ้นส่วนอย่างต่อเนื่อง ก่อนเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในพื้นที่ประกอบการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) หลอมโลหะหล่อเครื่องยนต์ เผยยังมีความต้องการสูงในท้องตลาด
วันที่ 10 ก.ย.62 เวลา 08.30-12.30 น. ที่หอประชุมวิทยาลัยการอาชีพพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บริษัทสยามคูโบต้าเมททัลเทคโนโลยี จำกัด ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในรัศมี 5 กม. ครอบคลุมพื้นที่รวม 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.เขาหินซ้อน ต.เกาะขนุน ต.คู้ยายหมี อ.สนามชัยเขต และพื้นที่บางส่วนในเขต อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี
โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นจำนวนกว่า 300 คน ทั้งตัวแทนหน่วยงานราชการ พระภิกษุสงฆ์ และชาวบ้านในพื้นที่ ในการเตรียมขยายพื้นที่ก่อตั้งโรงงานหลอมโลหะ เพื่อผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์การเกษตรจากฐานการผลิตเติมของโรงงานในปี 2553 ที่เริ่มเข้ามาก่อตั้งโรงงานในสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค 2 พื้นที่ ม.3 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
มีกำลังการผลิตเริ่มต้นเพียง 190 ตันต่อวัน หรือ 30,280 ตันต่อปี ต่อมาในปี 2558 ได้ทีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 380 ตันต่อวัน หรือ 60,560 ตันต่อปี และในการประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ เพื่อต้องการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกเป็น 528 ตันต่อวัน หรือ 72,000 ตันต่อปี ในพื้นที่ก่อตั้งโรงงานเดิมจำนวน 118.185ไร่
โดย นายทาเคฟูมิ อุเอฮาร่า (Mr.Takefumi Uehara) ประธานบริษัทสยามคูโบต้าเมททัลเทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 40 ปี ได้ทำการขยายกิจการโรงงานในส่วนต่างๆ ไปแล้วหลายชนิด ทั้งในส่วนของรถแทรกเตอร์และรถเกี่ยวข้าว โดยตลอด 40 ปีที่ผ่านมาได้มีสิ่งที่พัฒนาไปมากขึ้น คือ เครื่องจักรกลทางการเกษตรต่างๆ นั้น ได้มีการทำงานที่เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น จนทำให้บริษัทคูโบต้ามีการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น ในทุกๆ ปี
สำหรับโรงงานที่กำลังขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้ทำการผลิตรถแทรกเตอร์หรือรถเกี่ยวข้าวโดยตรง แต่เป็นการผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ด้านในของรถแทรกเตอร์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญหลักที่อยู่ในเครื่องยนต์ เพื่อส่งไปยังโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรคูโบต้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนปัญหาที่ยังเป็นข้อกังวลของชาวบ้าน จากเวทีรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้เสียในครั้งนี้ คือ เรื่องของกลิ่นไหม้จากการหลอมโลหะ ที่อาจส่งผลกระทบออกไปยังในพื้นที่รอบข้างโรงงานบ้างนั้น เดิมบริษัทแม่ของคูโบต้าในประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็ตั้งอยู่ตรงกลางใจเมืองโอซากา ก็อาจมีปัญหาเรื่องกลิ่นลักษณะนี้อยู่บ้าง ในช่วงแรกๆ จึงได้มีการติดตั้งมอนิเตอร์ เพื่อเป็นตัวควบคุมกลิ่นแบบเรียลไทม์ในการตรวจสอบกลิ่นต่างๆ ตลอด 24 ชม.
โดยได้นำวิธีการและมาตรการในการป้องกันด้านกลิ่น จากบริษัทแม่เพื่อนำมาขยายผลยังที่โรงงานในประเทศไทยแห่งนี้ไว้แล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการศึกษาแนวทางที่จะทำการลดกลิ่นในอีกหลากหลายวิธี โดยอยู่ในช่วงที่กำลังจะเลือกว่าจะใช้แนวทางแบบไหน ที่จะนำมาใช้ให้ได้มีประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบดังกล่าว โดยได้มีการเชิญชาวบ้านที่ยังมีความกังวลใจ ได้เข้ามามีส่วนร่วมทดสอบอุปกรณ์นี้ร่วมกันแล้ว
สำหรับในขณะนี้ยังไม่มีกระแสต่อต้าน ต่อการก่อตั้งขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตจากชาวบ้านในพื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันคูโบต้ามีโรงงานผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตรอยู่ในประเทศไทยรวม 5 แห่ง โดยแยกการบริหารงานการผลิตไปในแต่ละแห่งอย่างเป็นอิสระ โดยในส่วนของโรงงานที่ ต.เขาหินซ้อน เองนั้น ได้มีการเข้าไปมีส่วนร่วมกิจกรรมกับคนในชุมชน ทั้งวัดและโรงเรียนตลอดจนหน่วยงานราชการ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้เข้าไปมีส่วนสนับสนุนการดำเนินงานมาโดยตลอด นายทาเคฟูมิ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: