เพชรบูรณ์ – เจ้าหน้าที่ปกครอง ป่าไม้ และทหาร สนธิกำลังเข้าตรวจสอบ ชาวบ้านร้องเรียนรุกที่ป่า พบสวนเกษตรและสำนักปฏิบัติธรรมครอบครองที่ป่า กว่า 100 ไร่ นาน 10 ปี ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวห่างถนน สระบุรี-หล่มสัก เพียง 2 กิโลเมตร
วันที่ 25 เมษายน 2560 เวลา 13.00 น. ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวิเชียรบุรี เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการรักษาความสงบ ที่ 2 (ม.3 พัน.13) และเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานป่าไม้เพชรบูรณ์ ร่วมกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช 3 (ลำจังหัน) ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณเขาสามแยก หมู่ที่ 1 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ตามข้อร้องเรียนของประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวิเชียรบุรี พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจาก ถนนสระบุรี – หล่มสัก ประมาณ 2 กิโลเมตร มีสาธารณูปโภคไฟฟ้าประปาครบ ในการเข้าตรวจสอบพบ นายสมาน กลิ่นลูกจันทร์ แสดงตัวเป็นผู้ครอบครอง และผู้ถือครองไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีเพียงหลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลสระประดู่ (ภ.บ.ท. 5 ) จำนวน 2 แปลง เป็นพื้นที่ 70 ไร่ ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ จาการสอบถามทราบว่า นายสมานเข้ามาทำกินในที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อ ปี 2554 โดยรับช่วงต่อจากน้องสาวที่เข้ามาซื้อต่อจากผู้ครอบครองเดิมเมื่อ ปี 2551 ปัจจุบันกำลังดำเนินการปรับพื้นที่ เจาะบ่อบาดาลและขุดสระน้ำขนาดใหญ่ เพื่อทำแปลงเกษตรอินทรีย์ และมีการก่อสร้างที่พักในลักษณะถาวร จำนวน 3 หลัง
ในพื้นที่บริเวณเดียวกันห่างออกไปประมาณ 100 เมตร พบที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรม ซึ้งแจ้งว่าเป็นของแม่ชีท่านหนึ่ง มีการก่อสร้างอาคารในลักษณะเป็นอาคารถาวร จำนวน 2 หลัง มีผู้มาปฏิบัติธรรม ประมาณ 10 คน แต่ไม่พบแม่ชีเจ้าของสำนักมีเพียงลูกศิษย์ที่มาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ โดยลูกศิษย์ท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวได้เข้ามาใช้พื้นที่โดยการชักชวนของนายสมาน และไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชนิดใด และได้เข้ามาปฏิบัติธรรมที่นี้เมื่อประมาณ ปี 2558 ภายหลังนายสมานไม่ให้ผ่านทางและไม่ให้ใช้ไฟฟ้าและประปา ผู้ปฏิบัติธรรมรายอื่นรวมตัวกันไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวิเชียรบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องของสาธารณูปโภคและเส้นทางสัญจร
หลังจากรับฟังข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานป่าไม้เพชรบูรณ์ ร่วมกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช 3 (ลำจังหัน) ได้ชี้แจงให้กับ นายสมานและลูกศิษย์ของแม่ชี ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวแม้จะไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแต่ก็ยังถือว่าเป็นพื้นที่ป่าและอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าครอบครองหรือทำประโยชน์ รวมทั้งปลูกสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างใดๆ จึงขอแจ้งให้ทุกฝ่ายยุติการก่อสร้างทั้งหมดไว้ก่อน และจะมาตรวจสอบอีกครั้งว่าปฏิบัติตามที่แจ้งหรือไม่ ส่วนการดำเนินการในลำดับต่อไปก็คงต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับเพื่อรอรับคำสั่งต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: