ย่างเข้าสู่หน้าหนาวของทุกปี บรรยากาศแบบนี้หลายคนคงกำลังมองหาสถานที่ออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง พักค้างแรม แค้มปิ้ง กันอยู่ อีกสถานที่หนึ่งที่อยากแนะนำให้ท่านได้ไปสัมผัสนั่นคือ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้สัมผัส โดยเฉพาะชุดชมวิว “ผามออีแดง” ที่เป็นหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 556 เมตร สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงาม ท่านจะได้โอบรับพลังสุริยะ ยิ้มรับแสงแรกแห่งเช้าวันใหม่ได้ก่อนใคร และหากมองออกไปยังแนวเทือกเขาสัตตะโสมที่อยู่ถัดไป ณ จุดนี้จะสามารถมองเห็นพื้นที่รอยต่อแผ่นดิน 3 ประเทศ คือ แผ่นดินอีสานใต้ของไทย แผ่นดินภาคใต้ของ สปป.ลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา จึงได้เรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า “สามเหลี่ยมมรกต”
ดังนั้นผามออีแดงในยามเช้าตรู่จึงเป็นจุดชมวิวในมุมสูงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสานที่หากท่านได้เดินทางมาแล้วจะต้องประทับใจในเสน่ห์แห่งขุนเขาที่นี่อย่างแน่นอน และนอกจากจะมีจุดชมวิวที่สวยงามแล้ว ยังมีสถานที่เที่ยวชมอย่างอื่นอีกไม่ว่าจะเป็น จุดส่องกล้องชมปราสาทพระวิหาร ใกล้กันนั้นจะเป็น ภาพสลักนูนต่ำ อายุนับพันปี และยังมีแท่งหินทรายที่เรียกว่า สถูปคู่ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีแหล่งศึกษาธรรมชาติอื่นๆอีกมากมาย รอให้ท่านมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี
ตำนาน ผามออีแดง
ส่วนความเป็นมาของชื่อหน้าผาแห่งนี้ เป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่หลายคนเองก็ยังไม่รู้ที่มาของชื่อหน้าผาแห่งนี้ และมีการนำไปสื่อสารต่อแบบผิดๆ แม้แต่ครูเพลงบางท่านก็นำเอาเรื่องเล่าที่ไม่ได้เป็นความจริงไปแต่งเพลงในเชิงอกหักรักคุด ประมาณว่าหญิงสาวชื่อแดง อกหักจากชายคนรักแล้วมากระโดดหน้าผาประชดรักที่ไม่สมหวัง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง
สำหรับที่มาของชื่อผามออีแดงนั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2504 ได้มีคุณครูสาวจบมาใหม่ท่านหนึ่งชื่อ สิริพูล ตันติเจริญ ชื่อเล่นว่า แดง เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะมาสอนหนังสือที่โรงเรียนขุขันธ์ราษฎร์บำรุง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งครูแดงเป็นหลานสาวของอดีตผอ.โรงพยาบาลศรีสะเกษสมัยนั้น วันหนึ่งทางโรงเรียนของครูแดงได้พาคณะครูและนักเรียนมาทัศนศึกษาที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อรถของคณะเดินทางมาถึงบริเวณเนินทางขึ้นเขาพระวิหาร ซึ่งสมัยยังเป็นเนินสูงชันประมาณ 45 องศา จึงเรียกเนินตรงนี้ว่า “เนิน45” ด้วยความที่ถนนสูงชันบวกกับรถมีผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้รถไม่สามารถวิ่งขึ้นเนิน 45 ได้ รถจึงเกิดเสียหลักถอยหลังลงจากเนิน ขณะที่รถกำลังเอียงครูสาวจากกรุงเทพเพิ่งเคยเผชิญกับเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตจึงตกใจและกระโดดออกจากตัวรถ ทันใดนั้นรถโดยสารคันดังกล่าวก็เกิดพลิกคว่ำมาทับร่างครูสาวเสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่นนั้นปลอดภัยกันทุกคน
หลังจากข่าวการเสียชีวิตของครูแดงเงียบลง ข่าววิญญาณเฮี้ยนของครูสาวผู้เคราะห์ร้ายว่าได้มาปรากฏกายให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเห็นอยู่บ่อยครั้ง ก็เป็นที่โจทย์ขานกันอย่างเนื่องๆ จากปากต่อปากไม่นานข่าววิญญาณครูสาวที่อาลัยอาวรณ์ร่าง ไม่ยอมไปผุดไปเกิดของ ผีครูแดง หรือที่ชาวบ้านเรียก ผีอีแดง ก็ดังกระฉ่อนไปทั่ว เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อุทยานร่วมกับชาวบ้านต้องนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีกรวดน้ำทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผีครูแดง และได้อัญเชิญดวงวิญญาณไปสิงสถิตอยู่ในแผ่นหินขนาดใหญ่และได้เคลื่อนย้ายขึ้นไปตั้งตระหง่านไว้ที่เนินติดหน้าผา ซึ่ง “เนิน” ภาษาอีสานจะเรียกว่า “มอ” จึงเป็นที่มาของการบันทึกเรื่องเศร้าไว้เป็น ตำนานผามออีแดง จนถึงปัจจุบัน…
มนูญ มุ่งชู : รายงาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: