หนีกระเจิง ครูหนุ่มวัย 38 พร้อมครอบครัวลูกศิษย์สาววัย 14 ปี แอบมีสัมพันธ์รักจนถูกสังคมโซเชียลไล่ตามถลกแพร่ภาพประณามผ่านเพจท้องถิ่น จนอยู่ในพื้นที่อย่างไม่เป็นสุข แม้จะมีการเข้าพิธีสมาไหว้ผีเพื่ออยู่กินร่วมกันต่อทางญาติผู้ใหญ่แล้วก็ตาม แต่ยังต้องหอบเสื้อผ้าพากันเผ่นหนีหลบหน้าหายออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะสื่อเมืองกรุงยังพากันเข้ามารุมทึ้งไล่บดขยี้ซ้ำกันอีกระลอกใหญ่ แต่ล้วนต่างต้องผิดหวังกลับไปตามกัน
วันที่ 25 ก.ย.62 เวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางสมจิต คะสุระ อายุ 71 ปี ผู้เป็นย่าเลี้ยงของเด็กหญิงวัย 14 ปี (ลูกติดของภรรยาบุตรชาย) ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.6 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลา 09.00 น. เด็กสาววัย 14 ปี และสามีครูหนุ่มวัย 38 ปี ที่เพิ่งมาขอสมาไหว้ผีผูกแขนข้อมือแต่งงานกันไปเมื่อวันจันทร์ที่ 23 ก.ย.62 ที่ผ่านมา พร้อมด้วยบุตรสะใภ้ของตน
ได้พากันขนเสื้อผ้าใส่กระเป๋าขึ้นรถยนต์เก๋ง และขับพากันหลบหนีออกจากบ้านไปกันหมดแล้ว หลังจากมีกระแสข่าวเรื่องราวครูหนุ่มวัย 38 ปี ในโรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.4 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งกับลูกศิษย์สาววัย 14 ปี จนถูกมารดาจับได้ว่าแอบไปมีสัมพันธ์รักกัน ก่อนที่จะบีบบังคับให้ครูหนุ่มไปหย่าขาดจากทางฝ่ายภรรยาเดิม
พร้อมให้นำเงินสินสอดจำนวน 5 แสนบาท และใบสำคัญการหย่ามาแสดง เพื่อผูกแขนไหว้สมาผีตามทำเนียมพื้นบ้าน เพื่อแต่งงานอยู่กินกันแบบสามีภรรยากับบุตรสาว ซึ่งครูหนุ่มนั้นได้มีการไปดำเนินการตามที่ทางฝ่ายของมารดาของเด็กสาว 14 เรียกร้อง ด้วยการนำใบหย่ามาแสดง และนำเงินสดจำนวนกึ่งหนึ่งจากจำนวนที่ถูกเรียกร้องมาทำการขอสมา
โดยเงินส่วนที่เหลือจะนำมาชำระผ่อนให้ในภายหลัง เนื่องจากยังหาเงินสดมาเข้าพิธีตามประเพณีไม่ทัน เพื่อให้เกิดการสมยอม หรือยอมความกันทางกฎหมายระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่เหตุการณ์กลับไม่ราบรื่นเป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายตั้งใจไว้ หลังจากได้มีผู้มาร่วมในงานได้นำภาพการสมาไหว้ผีแต่งงานของทั้งสองฝ่ายไปเผยแพร่ผ่านทางโลกโซเชียล
จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสังคมอย่างรุนแรง และกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่การงานในวิชาชีพครูของฝ่ายชาย จนต้องพากันหลบหนีไปดังกล่าว นางสมจิต เปิดเผย
ขณะเดียวกันในวันนี้ยังได้มีสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ซึ่งเป็นสื่อกระแสหลักในสังคมจำนวนมากหลายสำนัก ยังได้พากันลงพื้นที่ เพื่อที่จะมาติดตามนำเสนอข่าวความสัมพันธ์ของทั้งสองที่เกิด ท่ามกลางข้อกังขาทางด้านของกฎหมายบ้านเมือง และระเบียบวินัยของข้าราชการครูว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่ต่างต้องพากันผิดหวังกลับไปตามกัน
เนื่องจากทั้งครอบครัวต่างไม่มีใครอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นเพิงพักที่ปลูกสร้างด้วยอิฐบล็อกหลังคามุงด้วยกระเบื้อง บางส่วนมุงจากและหญ้าคา ทำเป็นเรือนที่พักแยกออกมาจากเรือนหลังใหญ่เลยสักคน แต่มีเพียง นายบุญเจิด คะสุระ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กหญิงวัย 14 ปี ได้ระบุว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย โดยอยู่แต่เพียงลำพัง พร้อมระบุด้วยว่าปกติตนเองและภรรยานั้น ได้แยกเรือนกันนอนอยู่ก่อนนานแล้วและอยู่กันแบบต่างคนต่างไม่ก้าวก่ายกัน นายบุญเจิด กล่าว
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้าผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนที่เด็กสาวเรียนอยู่ และฝ่ายชายเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ในโรงเรียนนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงนักการภารโรงกำลังทำงาน มีครูนักเรียนกำลังทำการเรียนการสอนกันตามปกติอยู่ในอาคาร และมีเพียงบางส่วนที่เดินอยู่ภายนอกอย่างประปราย เหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: