โทรศัพท์มือถือของนายนวัธ เตาะเจริญสุข และไลน์ของภรรยาของเขากลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เขาดิ้นไม่หลุดต้องรับโทษประหารชีวิต
คดียิงนายสุชาติ โคตรทุม ปลัดอบจ.ขอนแก่น(ในขณะนั้น) ในเช้าวันที่ 3 พ.ค.2556 ปิดฉากลงด้วยคำพากษาประหารชีวิต นวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เขต 7 พรรคเพื่อไทยในความผิดฐานจ้างวานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2562
6 ปีทีมสังหาร 5 คน ที่เป็นลูกน้อง ต้องใช้ชีวิตในคุก 1 รายที่เป็นลูกน้องคนสนิท คือ พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต อีก 4 คนถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ไม่ว่าจะตีความกฎหมายกับสถานะของนวัธ ในความเป็นส.ส.เช่นไรก็ตาม แต่ ณ ตอนนี้เขาเป็นผู้ต้องขังโทษประหารไปเรียบร้อย
ทีมฆ่าถูกตามจับได้ครบทั้ง 5 แต่ “นาย” ที่ช่วงแรกดูเหมือนจะหลุดบ่วง ทำเอาบรรดาญาติผู้เสียหาย รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกระวนกระวายไม่น้อย เพราะต่างรู้ลึกตื้น หนาบางของคดีว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร โดยเฉพาะ ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าทีมฆ่าอย่าง พ.ต.ท.สมจิตร ที่ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นรองผกก.(ป.) หนองเรือ กับ ส.ส.นวัธ ที่มีฐานเสียงหลักที่อ.หนองเรือ เขาถือเป็นมือขวาของนวัธที่คนทั่วไปรู้กันทั่ว
นวัธ ในฐานะ”นาย”ของพ.ต.ท.สมจิตร และรูปการของการฆ่าปลัดอบจ.สุชาติ จึงทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเป็นการทำงานให้นาย
นายวิ่งเต้นซื้อเวลานอกคุกได้ถึง 5 ปี จนตำรวจรวบรวมหลักฐานที่สาวถึงตัวบงการ และออกหมายจับนวัธ เมื่อ 3 เม.ย.2561 เมื่อถูกออกหมายจับเจ้าตัวก็ยังนิ่ง ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหว บ้างก็ลือว่านวัธหนีไปปักหลักที่ฟิลิปปินส์ ประเทศที่เขาได้รับปริญญาบัตรที่นั่น แต่สุดท้ายนวัธก็เข้ามอบตัวและปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน
หลายคนก็สงสัยว่านวัธ จะมีไม้เด็ดอะไรในการต่อสู้คดีทั้งที่ทีมฆ่าถูกหลักฐานมัดแน่น และมีการซัดทอดถึงนวัธ
แต่สุดท้ายนวัธ ก็ถึงจุดจบกับ “โทรศัพท์”เครื่องเดียวที่มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด จนต้องรับโทษประหารชีวิต
ประเด็นต่อสู้คดีของนวัธ หลังไม่ให้ปากคำอะไรเลยกับพนักงานสอบสวน เขาหยิบประเด็นโทรศัพท์ และการสอบสวนโดยมิชอบ ขึ้นมาสู้ในชั้นศาล
ตามสำนวนการสอบสวนที่ทีมฆ่า โดยพ.ต.ท.สมจิตรโทรติดต่อกับนวัธทั้งก่อนลงมือ และรายงานผลทันทีหลังลงมือที่เป็นหลักฐานมัดตัวนวัธว่ามีส่วนรู้เห็น เขาก็สู้ในประเด็นว่า ตั้งแต่วันที่ 1- 4 พ.ค.(วันเกิดเหตุ 3 พ.ค.)เขาเอาโทรศัพท์ให้กับ ส.อบจ.คนสนิทเป็นคนใช้เพื่อรับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่หากเกิดปัญหาความเดือดร้อนที่จะร้องเรียนส.ส.
การโทรศัพท์ติดต่อในช่วงนั้นของพ.ต.ท.สมจิตร กับมือถือเครื่องนั้นเป็นการติดต่อกับส.อบจ.มิใช่เป็นการติดต่อกับตัวนายนวัธ
พอนวัธ เล่นมุมนี้ที่ก็คือพยายามที่จะตัดตอนตัวเองจากทีมฆ่า หากทั้งตำรวจ หรืออัยการหลงทางหรือไม่สามารถทำให้ศาลเชื่อได้ว่าคนที่ถือโทรศัพท์เครื่องเจ้าปัญหาเป็นนวัธ รูปการของคดีอาจเปลี่ยน
แต่สุดท้าย นวัธ ก็จนมุมซึ่งอาจเป็นความพลาดของทีมทนายที่อาจรู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ที่หากจะให้ใครรับโทรศัพท์แทนก็ไม่จำเป็นต้องยกเครื่องโทรศัพท์ไปให้ถือก็ย่อมทำได้
เมื่ออัยการซักแย้งว่า “พ.ต.ท.สมจิตร กับ ส.อบจ.ที่ถือเครื่องโทรศัพท์ของนายนวัธวันที่ 1-4 พ.ค.มีความสนิทสนมกันหรือไม่ ? “
นวัธ ตอบว่า “ไม่สนิทกัน”
เท่านั้นแหละนวัธหมดท่า…เพราะหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมได้กับประเด็นโทรศัพท์ ทั้งก่อนลงมือ และทันทีที่ลงมือเสร็จ พ.ต.ท.สมจิตร โทรหานายนวัธตลอด รวมทั้งหลังลงมือเสร็จที่สองคนนั่งรถคนละคันขับตามกันไปและก็คุยโทรศัพท์ไปตลอดทางจากขอนแก่นจนแยกทางกันที่สีคิ้ว นครราชสีมา
ถ้าพ.ต.ท.สมจิตร ไม่สนิทกับ ส.อบจ.คนที่ถือโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นแล้วจะคุยกันได้บ่อยและได้นานขนาดนั้นได้ยังไง?
ประเด็นโทรศัพท์ ที่นวัธงัดมาสู้จึงกลายเป็นจุดบอดของเขา เพราะในการสืบสวนสอบสวนมีหลักในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน 3 ข้อใหญ่ๆ
1.น่าเชื่อถือหรือไม่
2.เป็นไปได้หรือไม่
3.สมเหตุสมผลหรือไม่
เมื่อชั่งน้ำหนักจากคำให้การของนวัธ ที่อ้างเอาโทรศัพท์ให้คนอื่นใช้ เมื่อนำมาเทียบหลักการทั้ง 3 ข้อจึงถูกตีตกหมด
ส่วนอีกประเด็นที่อ้าง “การสอบสวนมิชอบ”ก็พยายามจะทำให้พยานซึ่งหมายถึง “ดต.วีระศักดิ์ ชำนาญผล “คนที่ให้การว่าเป็นผู้ขับรถพาพ.ต.ท.สมจิตร และนายประพันธ์ ไปที่บ้านของนวัธ ก่อนลงมือ และในวันเกิดเหตุ ดต.วีระศักดิ์ เป็นผู้ขับรถมาซุ่มดูความเคลื่อนไหวของผู้ตายที่บ้านและโทรแจ้งพ.ต.ท.สมจิตร ที่ซุ่มรออยู่ในรถอีกคัน และดต.วีระศักดิ์ ระบุว่าพ.ต.ท.สมจิตร โทรศัพท์แจ้งนายนวัธ หลังลงมือเสร็จ
การสอบสวนมิชอบ เป็นการพยายามบอกว่าพนักงานสอบสวนมีการหลอกล่อ ดต.วีระศักดิ์ ให้ปรักปรำนายนวัธ และมุมนี้ที่นำมาต่อสู้เพราะเห็นจุดอ่อนที่ ดต.วีระศักดิ์ เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ “พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์” ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น และเป็นเจ้าของคดีนี้
แต่ตำรวจก็รอบคอบทันทีที่จับด.ต.วีระศักดิ์ ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญของคดีมีการสอบสวนโดยการบันทึกวิดิโอไว้โดยละเอียด
ส่วนประเด็น “แรงจูงใจ”ที่ต้องฆ่านายสุชาติ ของนายนวัธ ที่มาจากเรื่อง “ศักดิ์ศรี”ที่มีหลักฐานว่าผู้ตายมีความสัมพันธ์กับภรรยานายนวัธ นั่นก็สาวลึกจากแอพพลิเคชั่นไลน์ ที่ทั้งสองใช้ติดต่อกันและเป็นการคุยไลน์ที่หลายคนในอบจ.เคยเห็น และเป็นพยานในคดีนี้ด้วย
จึงเป็นเหตุที่เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่านวัธ เป็นผู้จ้างวานฆ่านายสุชาติโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและสั่งประหารชีวิต!
เป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และแน่นอนว่านวัธจะต้องใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์
หลักฐานใหม่ที่จะยื่นอุทธรณ์คืออะไร ? และจะมีน้ำหนักให้คดีพลิกจนถึงขั้นทำให้ศาลแก้โทษกับนวัธหรือไม่ ?
พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ บอกกับผมแบบฟันธงว่าประเด็นอุทธรณ์ของนวัธ ก็คงใช้ประเด็นเดิมคือ “การสอบสวนมิชอบ” เพื่อทำลายน้ำหนักคำให้การของ ดต.วีระศักดิ์ ที่เป็นกุญแจสำคัญของคดี
การสู้ยกสองชั้นอุทธรณ์ของนวัธ เจ้าของวิกอินเตอร์ “แม็กซ์มวยไทย”เพื่อหลุดโทษประหารจึงยังต้องลุ้นแม้พยานหลักฐานจะไม่มีอะไรใหม่ แต่สไตล์ “ห้าวเป้ง”แบบเขาไม่มีทางจะถอยง่าย ๆ
ทางคดีกว่าจะจบยังต้องสู้อีกนาน แต่ทางการเมืองถือว่า”มันจบแล้ว” เพราะในพื้นที่ขอนแก่นเขต 7 เริ่มคึกคักกับการเลือกตั้งซ่อม
“สมศักดิ์ คุณเงิน”ที่ถูกโค่นจนกลายเป็นส.ส.ในตำนานจากฝีมือของนวัธ พอๆ กับ “สุวิทย์ คุณกิตติ” ที่สอบตกแบบงง ๆ ก็จากนวัธเช่นกัน
เมื่อไม่มีนวัธสมศักดิ์แต่งตัวสวมเสื้อพลังประชารัฐรอลงสนามเลือกตั้งเขต7 ขอนแก่นแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: