พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย วาตภัยในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2562 ที่หอประชุมธรรมาภิบาล เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ร่วมกับ พล.ต.ปราโมทย์ นาคจันทึก ผบ.มทบ.23 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจำลอง ภูนวนทา คณะทำงานประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมามอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย วาตภัยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์จำนวน 500 ชุด เพื่อเป็นการให้กำลังใจเยียวยาผู้ประสบภัย โดยมีนายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผวจ.กาฬสินธุ์ พ.อ.มานพ ไขขุนทด รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ พ.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงษ์ รองผบก.กาฬสินธุ์ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายสมเจตน์ เต็งมงคล นอภ.เมืองกาฬสินธุ์ นายโสภณ เจริญพร หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานสถานการณ์และให้การต้อนรับ
สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพายุโซนร้อนโพดุล และพายุโซนร้อนคาจิกิ ทำให้ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จนเกิดน้ำไหลหลาก น้ำท่วมขังขึ้นในหลายอำเภอ โดยได้รับผลกระทบในด้านต่างๆรวม 18 อำเภอ 121 ตำบล 1,078 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 22,314 ครัวเรือน 62,479 คน ที่พักอาศัยได้รับความเสียหายรวม 844 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายประกอบด้วย ด้านพืชรวม 65,476 ไร่ ได้แก่นาข้าว 64,768 ไร่ พืชไร่ 671 ไร่ และพืชสวน 37 ไร่ ด้านประมงบ่อปลา 1,151 ไร่ บ่อกุ้ง 1,089 ไร่ ปลากระชัง 0.32ไร่ ด้านปศุสัตว์ 1,384 ตัว ได้แก่ไก่พื้นบ้าน ไก่ไข่ ไก่เนื้อ 1,304 ตัว และเป็ดไข่ 80 ตัว นอกจากนี้ยังสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหาย ประกอบด้วย ถนน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้ดำเนินการซ่อมแซมให้กลับเข้าสู่สภาพปกติและสามารถใช้การได้แล้ว
สำหรับการบริหารจัดการสาธารณภัยได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มที่วัดสว่างคงคา เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์พักพิงและประสานการปฏิบัติในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ชุมชนเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ที่ถูกน้ำท่วมครั้งติดต่อกันหลายวัน โดยศูนย์ดังกล่าว เป็นจุดช่วยเหลือ จุดรับบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคและสถานที่จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ส่วนการติดตามสถานการณ์ในช่วงเกิดเหตุได้มีการประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาตลอดจนติดตามสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์น้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิดและสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการช่วยเหลือและเร่งการผัดวันน้ำที่ท่วมขังลงสู่แม่น้ำชี
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันภัยพิบัติตั้งกล่าวได้เข้าสู่ภาวะปกติ ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติแล้ว ยังคงเหลือการสำรวจความเสียหายด้านการเกษตรนาข้าว หลังน้ำลดให้เป็นไปอย่างถูกต้องเป็นจริง เพื่อป้องกันการผิดพลาดและไม่เป็นธรรม คาดว่าจังหวัดจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือทุกด้านแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ในส่วนสถานการณ์น้ำ จ.กาฬสินธุ์ มีแหล่งน้ำสำคัญ คือ เขื่อนลำปาว ซึ่งมีความจุระดับกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 1,702 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 86 % อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 17 แห่ง ความจุ 88 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 77 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 87 % อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กจำนวน 255 แห่งความจุ 57 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 55 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 96 % คาดว่าในปี 2563 นี้ จ.กาฬสินธุ์จะมีปริมาณน้ำใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรพอเพียงตลอดทั้งปี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: