ที่จ.ชลบุรี ปลัดพัทยาคนใหม่นำทีมลุยตรวจ “บ้านสุขาวดี” พบยังใช้อาคารรุกที่สาธารณะ 11 ไร่จัดกิจกรรมโจ๋งครึ่ม สั่งการดำเนินคดีเด็ดขาด ชี้จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้หากปล่อยนายทุนทำผิดกฎหมาย
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
เป็นปัญหาเรื้อรังมานานกับกรณีอาคารโชว์ขนาดใหญ่ของ “บ้านสุขาวดี” ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังนายวิเชียร พงษ์พานิชย์ อดีตรองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากเมืองพัทยา เจ้า หน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.14 เข้าตรวจสอบจนพบ ว่ามีการก่อสร้างอาคาร และการใช้พื้นที่โดยการบุกรุกที่ดินสาธารณะขนาด 11 ไร่ริมทะเล ก่อนจะออกคำสั่งนำป้ายประกาศเมืองพัทยา ระบุข้อความบริเวณนี้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ ผู้ใดบุกรุกหรือครอบครอง เป็นการกระทำความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ จึงขอให้ดำเนินการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างบนที่สาธารณะตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก่อนจะทำการปิดหมาย ค.7 หรือหมายคำสั่งรื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กรณีที่มีการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้
โดยทางเมืองพัทยาได้แจ้งความมา ยัง บ.เฮลท์ฟู้ด อิน เตอร์เนชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด โดยให้รื้อถอนอาคารโครงเหล็ก 1 ชั้น ขนาด 25×61 เมตร จำนวน 1 หลัง ที่ใช้เป็นเวทีห้องครัว และป้ายขนาด 7X9 เมตรจำนวน 2 ป้าย โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันนับแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2561 นอกจากนี้ยังทำการปิดหมาย ค.4 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดใช้อาคารหลังดังกล่าว และหมาย ค.3 เพื่อระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ตามาตรา 10 วรรค 1 และ มาตรา 41 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งได้มอบหมายให้นิติกรทำการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนิน การแจ้งความดำเนินคดี แต่ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินใดๆ อย่างเป็นรูปธรรมนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
ล่าสุด (18 ต.ค.) นายสุธรรม เพ็ชรเกตุ รองปลัดเมืองพัทยา รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา นำกำ ลังเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่เทศกิจ และกิจกรรมพิเศษ ตรวจสอบความคืบหน้ากรณีดังกล่าว หลังได้รับร้องเรียนว่าปัจจุบันทาง บ้านสุขาวดี ยังใช้อาคารหลังนี้ตามปกติ โดยไม่มีการดำเนินการแก้ ไขหรือรื้อถอนตามที่มีการออกคำสั่งไปแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นพบว่าอาคารในพื้นที่สาธารณะยังมีกิจกรรมการจัดเลี้ยงตามที่ได้รับแจ้ง
นายสุธรรม กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน แต่เมืองพัทยาก็ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนไปแล้ว และก็ถือว่าครบกำหนดไปแล้วทั้งการสั่งระงับการใช้อาคาร คำสั่งการรื้อถอนแต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการ จะมีเพียงการแจ้งขออุทธรณ์คำสั่งจากทางบ้านสุขาวดีไปยังกรมเจ้าท่า และเมืองพัทยาในเรื่องของที่ดิน ซึ่งเมืองพัทยาก็ได้ทำการคัดค้านไปแล้ว ส่วนที่ยังไม่ทำการรื้อถอนนั้นจากนั้นตรวจสอบไปยังนายตรวจเขตสำนักช่างเมืองพัทยา พบว่าคำสั่งอาจไม่ตรงในเรื่องของชื่อบุคคลในบริษัทที่จดทะเบียนไว้ รวมทั้งเรื่องของความคลาดเคลื่อนในเรื่องของพื้นที่ ซึ่งแต่เดิมใช้ภาพถ่ายทางอากาศ หรือ Google ของกรมแผนที่ทหาร จึงได้มีการทำการรังวัดใหม่ และแก้ไขหนังสือเพื่อให้ถูกต้องที่สุด เพื่อป้องกันการคัดค้านหรืออุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้หนังสือได้นำเสนอตรงให้นายกเมืองพัทยาพิจารณาลงนามและคาดว่าจะเร่งดำเนินการได้ภายใน 1 อาทิตย์นี้ นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบว่ามีอาคารที่มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 11 อาคาร ซึ่งจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นายสุธรรม กล่าวต่อไปว่ากรณีนี้จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นการขัดคำสั่งและมีการบุกรุกที่สาธารณะชัดเจน โดยนอกจากเมืองพัทยาจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารแล้ว ยังเสนอเรื่องขอออกหนังสือสำคัญ น.ส.ร.ไปยังอำเภอบางละมุง เพื่อให้ออกเป็นเอกสารสำคัญที่หลวงเพื่อป้องกันการบุกรุกครอบครองในอนาคต นอกจากนี้จะทำหนังสือตรงไปยัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI กรณีที่ทาง บ้านสุขาวดี บุกรุกที่สาธารณะปลูกสร้างอาคารด้วย ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าจะต้องใช้มาตรการเด็ดขาดโดยเฉพาะกับกลุ่มนายทุนขนาดใหญ่ที่กระทำการอย่างไม่ถูกต้อง เพราะยังคงนิ่งเฉยสังคมจะมองว่าเมืองพัทยาปล่อยปละละเลยและคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาท้องถิ่นได้ ขณะที่ปัญหาขนาดใหญ่ลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: