เชียงราย-นายทุนไฮเทคลงโฆษณาวิทยุ เฟซบุ๊ก จัดสรรที่ดินแบ่งขายเป็นล็อคราคาถูก แห่จำนำรถ สร้อย แหวน ซื้อมาครอบครอง ลงทุนสิ่งปลูกสร้างไม่ทันไรโดนแจ้งบุกรุกป่า ถูกดำเนินคดีถ้วนหน้า ร้องจังหวัด อัยการ บรรเทาผล
เวลา 10.00 น.วันนี้ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย ได้มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนประมาณ 60 คน มายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผ่านศูนย์ดำรงธรรม กรณีถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดอายัดที่ครอบครองซึ่งเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หลังถูกกลุ่มนายทุนหลอกให้ซื้อและเข้าครอบครองทำกินมานานเกือบ 10 ปี โดยไม่ทราบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนฯ โดยมี นางอาทม เชอหมื่อ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 303 หมู่ 5 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ มณีวรรณ์ ผู้แทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เป็นแกนนำ
ข่าวน่าสนใจ:
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- ชมคลิป-เตรียมเที่ยวงาน 10 ชาติพันธุ์ ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในรูปแบบใหม่ ชมขบวนแห่กลุ่มชาติพันธุ์อลังการ
- พิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- มุกดาหาร-เชิญชวนร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง "แคแสดรัน ครั้งที่ 2" ณ สะพานมิตรภาพไทย- ลาวแห่งที่ 2
นางอาทม เชอหมื่อ กล่าวว่า พวกตนเป็นชาติพันธุ์และคนเมืองที่เข้ามาทำงานในตัวเมือง และส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง เมื่อราวกลางปี พ.ศ.2556 ได้รับทราบจากการโฆษณาทางวิทยุสถานีหลักของรัฐ ในเขต อ.แม่จัน และทางเฟซบุ๊กว่า มีโครงการจัดสรรที่ดินแบ่งขาย ชื่อว่า ‘โครงการธนาแลนด์’ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านเหล่า หมู่ 14 และ บ้านป่าซาง หมู่ที่ 2 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองเชียงราย ราคาไม่แพง และมีการโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบต่างๆ ทั้งการแจกใบปลิว และขึ้นเวทีโฆษณาในเวทีต่างๆ ที่มีการจัดขึ้นเขตของ อ.แม่จัน พวกตนจึงเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้มีที่อยู่อาศัยและมีที่ดินทำกิน จึงรวมตัวกันมาตรวจสอบเบื้องต้นในที่ดินโครงการ ก็พบว่ามีการตัดถนน เข้าไปถึงโครงการ มีสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้า สระเก็บน้ำส่วนกลาง ครบ จึงหลงเชื่อว่าเป็นที่ดินถูกกฎหมาย จึงพากันทำสัญญาซื้อ-ขาย ทั้งระบบเงินสดและเงินผ่อน กับนายโยบะ เบียงแล่ ซึ่งเป็นผู้แทนโครงการฯ และได้ทำการลงหลักปักฐานสร้างที่อยู่อาศรัยและทำกินไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 ได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้ามาในพื้นที่ให้ชาวบ้านแสดงตัวในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของตนเอง โดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปดำเนินการเรื่องสิทธิ์ ใครไม่แสดงตัวจะไม่ได้สิทธิ์ในพื้นที่ พวกตนทั้ง 64 ราย จึงได้ไปแสดงตัวในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของตน
ต่อมาในปีเดียวกัน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้มีการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับตน และกลุ่มชาวบ้านทั้ง 64 ราย ที่แสดงตัวในการครอบครอง จึงส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก บางครอบครัวถึงกับต้องแตกแยกกัน ส่งผลให้เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นมาก พวกตนได้พยายามเรียกร้องให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีการเร่งรัดการดำเนินการทางกฎหมายกับพวกตนอีกด้วย ทั้งนี้ พวกตนขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกป่า และไม่รู้มาก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวน และที่มาในวันนี้ พวกตนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้ง 64 คน และสหพันธ์เกษตรภาคเหนือ จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐ ยุติและชะลอการดำเนินคดีกับชาวบนทั้ง 64 ราย เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม,
2.ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่อยุติความเดือดร้อนและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับชาวบ้านโดยเร่งด่วนที่สุด
3.ยุติการดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ที่จะส่งผลกระทบ และสร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติมให้กับชาวบ้านระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา จึงขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะพ่อเมือง และส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้าน และโปรดเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วนที่สุด ต่อไป
ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งติดราชการอยู่ ได้สั่งการให้ ว่าที่ ร้อยตรีณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พ.ท.สุทัศน์ ถ้ำสุธะ นายทหาการข่าว กอ.รมน.เชียงราย นายทนงศักดิ์ ธรรมโน ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) นายวีระชาติ สุวรรณา ผอ.กลุ่มงานอำนวยการ (ศูนย์ดำรงธรรมเชียงราย) และผู้ที่เกี่ยวข้อง เชิญตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าห้องประชุม รับฟังปัญหา เพื่อหาทางแก้ไข โดยมีการชี้แจงกับทุกฝ่าย รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางกฎหมาย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงมีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบพื้นที่ร้องเรียนตามแนวทางของกฎหมาย และให้ประสานงานไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุเลาการดำเนินคดี จนกว่าจะได้ข้อยุติทางกฎหมาย สร้างความพอใจให้กับกลุ่มชาวบ้าน และพากันสลายตัวไปในที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: