ชัยภูมิ – หนุ่มออฟฟิต พลิกชีวิตมนุษย์เงินเดือนจากเมืองกรุง หันหน้ากลับภูมิลำเนารักบ้านเกิด ตามรอยพ่อร.9 ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผุดไอเดียสร้างจุดขายสร้างอาชีพใหม่ให้ตนเอง ตั้ง “ ฟาร์มสเตย์ รักษ์นาโคก” นทท.แห่จองพักเที่ยวกินอาหารแบบบ้านๆไทยอีสานล้น รับท้าลมหนาวปีนี้คึกคัก ?
( 29 ต.ค.62 ) จังหวัดชัยภูมิ ถือเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย แต่อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่เป็นสถานที่ของทางหน่วยงานราชการ และต้องยอมรับว่าการสร้างรายได้ที่จะช่วยเข้ามาดึงดูเม็ดเงินสู่ชุมชนในปัจจุบันยังมีน้อยมาก หากจะเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นๆ
ขณะที่ นายพลธณัฐ ก้านแก้ว หนุ่มชัยภูมิวัย 37 ปี ที่ปัจจุบันมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 14 บ้านนาดี ต.บ้านแท่น อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ที่ถือว่ายังเป็นคนหนุ่มไฟแรง ที่เมื่อไม่กี่ปีมานี่ ได้ใช้ชีวิตในเมืองกรุง เป็นพนักงานของบริษัท ชื่อดังและมีการแข่งขันของพนักงานค่อนข้างสูง เมื่อถึงวันหยุดก็หาเวลากลับบ้านเพื่อมาเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องค่อนข้างลำบาก เขาจึงได้คิดอยากกลับบ้าน แต่ก็ไม่รู้จะกลับมาทำงานอะไร
“พลธณัฐ ก้านแก้ว” ผู้จัดการฟาร์ม “รักษ์นาโคก ฟาร์มสเตย์” เล่าถึงที่มาการสร้างหาอาชีพใหม่ที่บ้านเกิดครั้งนี้ว่า หลังจากลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ ได้นำเงินทุนก้อนหนึ่งลงทุนด้านตลาดมือถือ แรกๆก็ขายดี ต่อมาตลาดมีการแข่งขันที่สูง จึงเริ่มคิดว่าแบบนี้ก็คงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนในอนาคตต่อไปได้ จึงหาวิธี ด้วยการค้นหาทางอินเตอร์เน็ต และก็สนใจการขายค้าของคนรุ่นใหม่ เช่นเปิดร้านสวยๆ ขายกาแฟให้คนมาถ่ายภาพ แต่ตนเองก็ยังไม่ตกผลึก เนื่องจากมีคนทำค่อนข้างมากอยู่แล้วในปัจจุบัน
จนกระทั่งได้กลับไปคิดถึงแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง ร.9 และ ร.10 ทั้งสองพระองค์ที่วางแนวทางให้ประชาชนได้พึ่งพาตนเอง พร้อมทั้งครอบครัวตนเองมีที่ทำกินเป็นแปลงนาโคก ตนเองจึงได้ศึกษาโครงการ “แก้มลิง” คลองไส้ไก่” และไร่นาสวนผสมที่พ่อหลวง ได้ทรงทำเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน จนกระทั้งตนเองได้ตกผลึก และได้ลงมือทำกับพี่ชายช่วงหน้แล้ง ไม่มีฝนตก ชาวบ้านที่มาพบเห็นก็บอกว่าบ้า ทางครอบครัว พ่อกับแม่ก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะมาทำสวนแบบ “ฟาร์มสเตย์”
ตนเองได้ตั้งใจไว้ว่า การทำเกษตรแบบในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และเรียกชื่อว่า “ฟาร์มสเตย์” เริ่มแรกได้คุยกับแม่ว่า เราเริ่มต้นทำเถียงนา หรือ กระท่อมนาหลังน้อยๆ สัก 1 หลัง ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และทำนาแบบชาวบ้าน โชคดีที่พี่ชาย เป็นคนชอบทำอะไรเหมือนๆ กัน ชอบงานไม้ เอาเศษไม้ที่เหลืออยู่มาตกแต่งจนเป็นรูปเป็นร่าง ด้วยการช่วยกันออกแบบ จนเกิดเถียงนาหลังแรก ตนเองจึงได้ลงรูปกระท่อมนาน้อยทางอินเตอร์เน็ต จนมีเพื่อนๆทางโซเซียลเห็นว่ามีที่พัก บ่อปลา มีผักและกระท่อมนาน้อยสวยงาม จึงสนใจขอมาพักได้ไหม
จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นจากกระท่อมนาเล็กๆ ตนเองก็เลยเกิดไอเดียฉีกกรอบแนวเดิมๆ ที่คนนิยมทำก็คือ แบบทุ่งนาคาฟ่ มาเป็น “ฟาร์มสเตย์” ที่เน้นที่พักแบบการเกษตร ยึดหลักพอเพียง นำวัตถุดิบที่มีในสวนที่ปลูกเองแบบไร้สาร มาปรุงเป็นเมนูเด็ดแบบบ้านๆไทยอีสาน บนพื้นที่นาโคก เลยตั้งชื่อว่า “รักษ์นาโคก ฟาร์มสเตย์” เริ่มจากหลังแรก เพื่อนๆ ก็แนะนำให้สร้างเพิ่ม เพื่อจะได้ให้คนมาพักแบบ พอดีเศษไม้เหลือ พี่ชายจึงได้นำมาสร้างเพิ่มขึ้น บนแปลงนาที่มีไม่มากนัก มองแล้วเกิดความสวยงาม ต่อมาก็ได้ขยายจาก 1 หลัง จนปัจจุบันใช้เวลา ประมาณ 8 เดือนมีกระท่อมน้อยไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 4 หลัง เราถ่ายรูปการทำงาน ความก้าวหน้าของ “รักษ์นาโคก ฟาร์มสเตย์” ประชาสัมพันธ์ทางเพจ คนเข้ามาคอมเม้นท์และเริ่มมีการสั่งจองเข้ามาไม่ขาดสายตลอดทั้งเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ที่มีการตอบรับเข้ามาสูงมากเลยทีเดียว
โดยไม่มีวันว่าง ซึ่งที่พักจะราคาถือว่าไม่แพง จะรวมอาหารคนละ 500 บาท ทั้งนี้ยังได้บริการหากต้องการไปเที่ยวชุมชนในอำเภอบ้านแท่นอีกด้วย ปัจจุบันทางชุมชนอำเภอบ้านแท่น ได้ตื่นตัวรองรับการท่องเที่ยวแบบชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะงานประจำปี “ส้มโอบ้านแท่น” ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ทางจังหวัดชัยภูมิเอง ก็ได้เข้ามาช่วยส่งเสริมสนับสนุนเป็นงานระดับจังหวัดอีกด้วย
ด้าน “คุณนก” นักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัส “รักษ์นาโคก ฟาร์มสเตย์” เป็นครั้งที่ 3 และถือว่าครั้งนี้ได้พักหยุดเป็นเวลาหลายวัน กล่าวว่า ที่พักแบบนี้บ้านเราโดยเฉพาะภาคอีสาน จะไม่ค่อยมี เงียบสงบ อากาศสบายเนื่องจากมีทุ่งนาเขียวขจี มาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว จนไม่อยากกลับ ที่พักสะอาด อาหารอร่อยมากแบบอีสาน ซึ่งตนเองพึ่งเจอแล้วยังได้เห็นวิธีการทำแบบบ้านๆอีกด้วย ได้เห็นเป็ด ไก่ นกธรรมชาติบินแล้วส่งเสียงร้อง มีความสุขมาก จึงอยากขอให้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนหันมากสนใจธรรมชาติแบบนี้ อาหารปลอดสารเคมีทุกชีวิตปลอดภัยกันให้มากขึ้นด้วย
จากเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากคำว่า “บ้า” ด้วยความรักที่เกิดจากการทำจริง จนเกิดความสุขทั้งตนเองและครอบครัว เมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างพูดเสียงเดียวกันว่า “อยากมาที่นี่อีก” ทำให้เราเกิดกำลังใจที่อยากจะทำ ทำแล้วเกิดความสุขต่อตนเองและผู้อื่น จนทุกวันนี้จากคำว่า “บ้า” กลายเป็นคน “บ้าสร้างความสุข” ไปแล้ว “พลธณัฐ ก้านแก้ว” กล่าวทิ้งท้าย
และหากท่านใดสนใจอยากเที่ยวชมหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ติดต่อได้ที่ เพจ “รักษ์นาโคก ฟาร์มสเตย์” https://1th.me/N446R หรือสอบถามได้ที่ 08-0562-6955
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: