นครปฐม : สาว CEO เครื่องสำอางเมืองนครปฐม ประกาศเลิกขายบ้าน พร้อมเผาบ้านกงเต็กประจาน หลังถูกโจรกรรมทรัพย์สิน สูญกว่า 2 ล้านบาท แต่โครงการไม่รับผิดชอบ โวย ! สคบ.ร้องเรียนเรื่องน้ำประปา กว่า 3 เดือน เรื่องยังไม่คืบหน้า
จากกรณี คนร้ายบุกโจรกรรมทรัพย์สิน บ้านของ น.ส.ภาปณัฐ สุขอนันต์ อายุ 34 ปี ที่บ้านเลขที่ 59/525 โครงการหมู่บ้าน อยู่สบาย 8 ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง Bovany สูญทรัพย์สินเป็นพระเครื่อง พระบูชา พระเลี่ยมทอง นาฬิกาฝังเพชร และทองรูปพรรณ มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 ต้นปีที่ผ่านมา แต่ถูกโครงการปฏิเสธความรับผิดชอบ จนต้องขึ้นป้ายประกาศขายบ้านประชดโครงการ และเข้าร้องเรียนต่อจังหวัดนครปฐม และ สคบ.เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย จนยอมปลดป้ายประกาศขายบ้านออก แต่สุดท้ายโครงการก็ปฏิเสธความรับผิดชอบอยู่ดี ขณะที่ทางตำรวจก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ส่วน สคบ.ก็ไม่สามารถออกมาคุ้มครองผู้บริโภคได้
ล่าสุด เมื่อเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 เรื่องนี้ได้กลายเป็นมหากาพย์ ระหว่าง น.ส.ภาปณัฐ สุขอนันต์ สาว CEO เครื่องสำอาง Bovany ผู้เสียหาย กับ โครงการบ้านจัดสรร “อยู่สบาย 8” นครปฐม ของบริษัท พหุธน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เมื่อ น.ส.ภาปณัฐ ออกมาติดป้ายประกาศ “เลิกขายบ้าน” เพื่อต่อสู้เรียกร้องสิทธิคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม พร้อมเผาบ้านกระดาษโชว์นักข่าว เป็นการย้ำเตือน และเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้บริโภคที่กำลังคิดจะซื้อบ้าน ควรตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจ
โดย น.ส.ภาปณัฐ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.61 บริษัท พหุธน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารโครงการหมู่บ้านอยู่สบาย 8 ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เรียกร้องให้ตนปลดป้ายประกาศขายบ้าน ว่าถูกโจรกรรมทรัพย์สินลง ตนจึงได้ยอมปลดป้ายดังกล่าวออก โดยแลกเปลี่ยนกับการให้โครงการนำสัญญาจ้าง รปภ.ของโครงการ ที่เคยขอไปก่อนหน้านี้แต่เพิกเฉย นำมามอบให้ ตนจึงยอมปลดป้ายลงตามข้อตกลง
แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทำการตรวจสอบดู สำเนาเอกสารบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ได้รับ พบว่า ข้อมูลไม่ตรง และไม่ชัดเจน วันที่ 2 มีนาคม 2561 จึงได้นัดโครงการไปที่สำนักงานจังหวัดนครปฐม และสอบถามเรื่องเอกสารสัญญาบริษัทที่ได้มอบให้ ว่ามีข้อมูลไม่ตรง แต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จากการถูกโจรกรรมทรัพย์สิน ทางโครงการก็แจ้งปฏิเสธ กับทาง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค.แจ้งวัฒนะ
นอกจากนี้ เมื่อตนขอเอกสารเพิ่มเติม คือ ชุดแบบแปลนบ้าน หรือพิมพ์เขียว ใบรับประกันโครงสร้าง หลังคา ตัวบ้าน ใบฉีดปลวก หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องนั้น โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีการแจ้งไปกับพนักงานขาย ตั้งแต่โอนและหลังโอน ได้รับคำตอบจากพนักงานของโครงการว่า มีเอกสารตามที่ให้แค่นั้น นอกนั้นให้ไม่ได้
ตนจึงไปติดต่อ ขอสำเนาแบบแปลนที่ ฝ่ายโยธา อบต.ห้วยจระเข้ กลับได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า ให้ กลับไปติดต่อรับแบบแปลนที่โครงการ โดยให้เหตุผลว่า โครงการสั่งไว้ จึงเกิดความสงสัย ตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสาร บ้านก็โอนเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว ทำไมเจ้าของบ้านถึงขอคัดแบบแปลนการก่อสร้างไม่ได้ จึงได้ติดต่อไปยังปลัด อบต.ห้วยจระเข้ จึงได้ยอมให้แบบแปลนมาในที่สุด จึงได้นำเอกสารแบบแปลนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.อ.เมืองนครปฐม
และเมื่อตรวจสอบแบบแปลนการก่อสร้าง พบอีกว่า แบบแปลนกับบ้านที่ก่อสร้าง ไม่ตรง กับการใช้งานจริง ตลอดจนเอกสารการฉีดปลวก เจ้าหน้าที่ของโครงการ มีการเซ็นแทนเจ้าของบ้าน(ผู้เสียหาย) เอง โดยการที่มีการฉีดนั้น จะต้องฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง 1 ปี แต่ผู้เสียหายไม่เคยเห็นหรือเซ็นรับทราบมาก่อน จึงเข้าไปร้องเรียนต่อ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดนครปฐม อีกครั้ง เพื่อมาตรวจสอบ แต่โครงการก็ไม่มีคำตอบ
น.ส.ภาปณัฐ ยังบอกกับนักข่าว อีกว่า เรื่องระบบน้ำประปา ที่เคยร้องเรียนต่อ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดไว้ กว่า 3 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยโครงการให้คำมั่นว่า ระบบน้ำประปา บริษัทฯ จะดำเนินการรวบรวมรายชื่อลูกบ้านทั้งหมด เพื่อยื่นขอใช้น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค แต่ถ้าไม่สามารถดำเนินการตามที่ร้องขอได้ บริษัทฯ จะดำเนินการยื่นความประสงค์ขอใช้น้ำประปาจากเทศบาลนครปฐม ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ปัจจุบัน ยังไม่มีคำชี้แจงความคืบหน้า จากโครงการแต่อย่างใด และการจัดสรรที่ดิน ตาม พรบ.จัดสรรที่ดิน โครงการผ่านการอนุมัติมาได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ตนจะเดินหน้าต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด.
