นครพนม – วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครพนม เริ่มส่งผลกระทบต่อเนื่อง หลังระดับน้ำโขงลดลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5 เมตร ส่งผลให้บางจุดเกิดสันดอนทรายเป็นพื้นที่กว้างยาวหลายกิโลเมตร ไม่เพียงส่งผลต่อการหาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน ที่มีอาชีพประมงหาปลาน้ำโขงส่งขายตลาด ยังส่งผลกระทบต่อลำน้ำสาขาที่แห้งขอด ชาวบ้านเริ่มขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากปีนี้ปริมาณฝนสะสมต่ำ รวมถึงการกักน้ำของเขื่อนในประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้าน
เช่นเดียวกันกับชาวบ้านในพื้นที่ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นที่การเกษตร เช่นทำนา รวมถึงปลูกพืชการเกษตรชนิดอื่น โดยอาศัยน้ำจากแม่น้ำโขง เมื่อน้ำแห้งขอดเกิดสันดอนยาว มีหาดทรายโผล่ขึ้นเต็มแม่น้ำโขง ทำให้น้ำบริเวณจุดสถานีสูบน้ำโขงไม่สามารถสูบจากแม่น้ำโขงเข้าสู่ระบบชลประทานได้ หากจะต้องเคลื่อนย้ายสสถานีสูบน้ำ ก็ต้องใช้งบประมาณในการเคลื่อนย้ายสถานีสูบน้ำสูง จึง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่กว่า 300 ครัวเรือน นาข้าวที่กำลังออกรวง รอการเก็บเกี่ยวเริ่มเหี่ยวเฉา คาดว่าหากไม่สามารถสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรได้ อีกประมาณ 1 สัปดาห์ จะส่งผลให้พื้นที่นาข้าวเสียหายไม่ต่ำกว่า 3,000 ไร่ โดย นายศรีณรงค์ วงค์ล่าม อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ท่าจำปา ได้ยื่นหนังสือเข้าร้องทุกข์ผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจำปา (อบต.ท่าจำปา) เพื่อประสานหน่วยงานหาทางช่วยเหลือ นำเครื่องจักรเปิดทางน้ำให้น้ำโขงระบายเข้าจุดสถานีสูบน้ำ เนื่องจากมีสันดอนทรายขวางทางน้ำไม่สามารถสูบมาใช้เลี้ยงนาข้าวได้
นายศรีณรงค์ วงค์ล่าม เปิดเผยต่อว่า ในรอบหลาย 10 ปี น้ำโขงแห้งเร็วมาก และเป็นปีแรกในพื้นที่ ต.ท่าจำปา ได้รับผลกระทบจากน้ำโขงแห้ง หาดทรายโผล่กว้าง ยาวเป็นกิโลเมตร จำเป็นต้องนำเครื่องจักรมาขุดเปิดทางน้ำเข้าจุดสูบน้ำ หากไม่สามารถสูบน้ำเข้าเลี้ยงนาข้าวได้ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ คาดว่าข้าวจะแห้งตายหมด “ฝากหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ เพราะปีนี้ฝนน้อยปริมาณน้ำในลำห้วย ไม่มี ต้องอาศัยน้ำโขงเป็นหลัก” ผญบ.ม.5 ต.ท่าจำปา กล่าว
