สระแก้ว – ทหารกัมพูชาตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน ขึงลวดหนามกั้นสะพานข้ามทางรถไฟไทย-กัมพูชา ล่าสุด พบแกนนำเคลื่อนไหวเข้าพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 10 คน พร้อมรถตู้ 2 คัน หลัง ผวจ.บันเตียเมียนเจยและคณะได้เข้าพบปะหารือกับ ผวจ.สระแก้ว เพื่อประชุมร่วมขอความร่วมมือ เตรียมปิดด่านทันที หากนายสม รังสี แกนนำและประชาชนกัมพูชาเคลื่อนขบวนมาที่จุดผ่านแดนต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อจะเดินทางข้ามแดนเข้าไปในประเทศกัมพูชา
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ยังคงมีชาวกัมพูชาและชาวไทยเดินทางข้ามแดนเป็นปกติ แต่ปริมาณลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากอยู่ในช่วงที่ฝั่งประเทศกัมพูชาเข้มงวดการเดินทางข้ามแดนอย่างมาก เพื่อสกัดกั้นกลุ่มกบฏของ นายสม รังสี ข้ามแดนไปประท้วงต่อต้านรัฐบาล โดยก่อนหน้า นายสม รังสี ได้ประกาศในต่างประเทศและมีคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลก ยืนยันกับพี่น้องประชาชนในกัมพูชา(กัมปูเจีย) ว่า วันที่ 9 พ.ย.นี้จะได้พบกัน 100% เพื่อนำประชาธิปไตยสู่พี่น้องชาวกัมปูเจีย ทำให้มีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่กัมพูชาในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาทุกจุด ตั้งแต่ อ.ตาพระยาถึง อ.คลองหาด โดยปิดไม่ให้มีแรงงานข้ามแดนแบบมาเช้า-เย็นกลับ ในช่องทางอนุโลมเกือบ 20 จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด.ของกัมพูชา ตรึงชายแดนตลอดแนวโดยเฉพาะพื้นที่ จ.สระแก้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 3 พ.ย.62 เป็นต้นมา ที่มีภาพเผยแพร่ทางเพจ CBN Politics ของกัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาได้นำลวดหนามมาวางกั้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณสะพานข้ามทางรถไฟกลางดึก ฝั่งกรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามสถานีรถไฟด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกและด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นั้น ล่าสุด ขณะนี้ลวดหนามดังกล่าว ยังคงถูกนำวางกั้นไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานหรือแกนนำชาวกัมพูชาที่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเดินทางเข้าประเทศได้
โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่แจ้งว่า ได้มีรถตู้จำนวน 2 คัน ซึ่งเป็นกลุ่มแกนนำของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกัมพูชาที่เคลื่อนไหวในกรุงเทพมหานคร จำนวน 10 คน ได้เดินทางด้วยรถตู้เข้าพื้นที่ อ.อรัญประเทศแล้ว แต่ยังไม่ทราบจุดที่พักชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ไทยสามารถดำเนินการได้เพียงแค่ติดตามความเคลื่อนไหว แต่หากมีการแสดงสัญลักษณ์โดยการชูธงหรือปูป้ายต่อต้านในพื้นที่ประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าคุมตัวหรือป้องปรามได้ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนหน้านี้
สำหรับเมื่อวันที่ 6 พ.ย.62 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุม เรียแตร็ย ผวจ.บันเตียเมียนเจย ,พล.ท.ซุน เมา ผบ.สน.พื้นที่ 1 จว.บันเตียเมียนเจย , พล.ท.เป็จ วรรณา หน.สน.ปกท. , พล.ต.แวน ซาย ผบ.พลน้อย ร.51 , พล.ต.บอน บิน ผบ.สห.จว.บันเตียฯ , พล.ต.จึม บุญอาน ผบ.ทปจ.บันเตียฯ และคณะ จำนวน 30 คน ได้ขอเข้าพบ นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรอรัญประเทศ ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีประเด็นการหารือ ประกอบด้วย
ฝายกัมพูชาขอหารือ เรื่องนายสม รังสี อดีตหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) พรรคฝ่ายค้านกัมพูชา พร้อมแกนนำสมาชิกพรรคที่เป็นกลุ่มกบฏที่เคลื่อนไหวโดยผิดกฎหมาย มีแผนที่จะล้มล้างรัฐบาลกัมพูชาที่มี สมเด็จฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศจะนำแกนนำ สมาชิก และประชาชนที่ให้การสนับสนุนจำนวนมาก เดินทางกลับประเทศกัมพูชาผ่านจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก-ปอยเปต อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในวันที่ 9 พ.ย.62 และทางรัฐบาลได้เตรียมกำลังทหาร , ตชด.กัมพูชาจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้มีการชุมนุมต่อต้าน ขับไล่รัฐบาลกัมพูชา แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายไทย โดยขอให้ฝ่ายไทยเข้าใจว่า เป็นปัญหาภายในของกัมพูชาเองจึงขอทำความเข้าใจ
นอกจากนั้น ทางกัมพูชายังแจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วด้วยว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ นายสม รังสี พร้อมแกนนำ สมาชิกและประชาชนที่สนับสนุนเคลื่อนขบวนมาที่จุดผ่านแดนต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อจะเดินทางข้ามแดนเข้าไปในประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 7-9 พ.ย.62 จะประสาน สน.ปทก. เพื่อขอให้ปิดด่านตามแนวชายแดนต่อไป นอกจากนั้น ขอให้ไทยแจ้งข่าวแกนนำ สมาชิกพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) ที่ถูกออกหมายจับ และเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในไทย และที่กำลังจะเดินทางจากต่างประเทศเข้าไทยผ่านเข้าไปในกัมพูชาให้ฝ่ายกัมพูชาทราบด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายกัมพูชาได้มอบแผ่นป้ายภาพที่ตำรวจ จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ติดประกาศหมายจับกุม ตัวนายสม รังสี และแกนนำพรรคสงเคราะห์ชาติ ที่มีหมายจับและเคลื่อนไหวอยู่ที่ต่างประเทศ จำนวน 21 คน ให้ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นประกาศจับในข้อหากบฏ และขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยทุกหน่วยที่เข้าใจรัฐบาลกัมพูชา และดำรงความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองจังหวัดต่อไป โดยฝ่ายไทย ชี้แจ้งว่า ฝ่ายไทยยินดีให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชา และฝากดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย หากมีข้อขัดข้องประการใดช่วยแจ้งฝ่ายไทยให้ทราบทันทีด้วยเช่นกัน
—————————–
