เด็กวัดถูกกลุ่มคนไม่ทราบว่าเป็นใครเข้ามารุมทำร้ายร่างกาย ที่บริเวณข้างกุฏิภายในวัดหนามแดง พยายามชิงพระเครื่องหายากที่แขวนอยู่ในคอ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายลูกศิษย์วัด พร้อมพยายามกระชากสร้อยคอที่มีพระเครื่องที่หายากจำนวนหลายองค์ ภายในวัดแห่งหนึ่ง ในย่านตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดที่เกิดเหตุ บริเวณข้างกุฏิพระคณะ 4 ภายใน วัดหนามแดง ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พบนายวิฑูรย์ เกตุแก้ว อายุ 38 ปี เด็กวัดที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บที่ปรากฏอยู่ในคลิปกล้องวงจรปิด ได้เล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ระหว่างที่ตนเองกำลังนำจีวรพระจะไปตากที่บริเวณข้างกุฏิดังกล่าว ได้มีรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว รุ่น อัลตีส จำทะเบียนไม่ได้ และรถจักรยานยนต์แบบออโตเมติก มาชายและหญิงขี่และนั่งซ้อนท้ายกันมา ได้ขี่เข้ามาจอดดักหน้าตน และคนที่อยู่ในรถเก่ง เป็นชาย 3 คน พร้อมด้วยชายที่ขี่รถจักรยานยนต์มาได้ลงมาช่วยกันรุมทำร้ายตน ด้วยการชกต่อยเข้าที่ใบหน้าและพยายามกระชากสร้อยคอของตนที่มีพระเครื่องหายยากแขวนอยู่ในคอหลายองค์จนสร้อยขาย ซึ่งในช่วงนั้นตนยังพอมีสติได้ใช้มือกำสร้อยพระเอาไว้แน่น ก่อนที่ตนเองจะถูกเตะตัดขาจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นและถูกผู้ก่อเหตุใช้เท้ากระทืบตนจนสลบไป ก่อนที่จะมีพระและชาวบ้านที่อยู่บนกุฏิได้ยินเสียงและเดินลงมาช่วย ทำให้ผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้พากันขึ้นรถและขับหนีออกไป หลังจากที่ตนฟื้นคืนสติจึงได้มารำดับเหตุการณ์และขอดูภาพจากกล่องวงจรปิดที่ติดไว้ข้างกุฏิใกล้ที่เกิดเหตุที่บันทึกภาพเหตุการณ์ตนไว้ได้ และนำไปเป็นหลักฐานก่อนเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ และตนยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องราวกับใคร แค่ตนมาทำหน้าที่ช่วยพระอยู่ที่วัดในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนตนก็จะกลับไปนอนที่บ้านพักซึ่งอยู่ฝั่งคลองตรงข้ามกับวัดเท่านั้น ส่วนที่ตนถูกทำร้ายนั้น ผู้ก่อเหตุน่าจะประสงค์ที่จะมาเอาพระเครื่องที่ตนห้อยอยู่ในคอ เพราะเป็นพระเครื่องหายากและมีราคา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และได้ส่งข้อมูลให้ฝ่ายสืบสวนเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงอีกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
