นายเจียม โพธิแก้ว อายุ 50 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านโป่งสะท้อน กล่าวว่า เป็นความโชคดีที่ชุมชน มีผู้นำเข้มแข็ง ผลักดันให้ชาวบ้านรวมตัวสร้างอาชีพเสริม ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง ในโครงการเสริมสร้างรายได้ให้เกษตรกรรายย่อย ซึ่งมีหลักการ และวิธีการที่ดี นำสินค้าที่มีมากในชุมชน คือขนุน มาแปรรูปเพิ่มมูลค่า จากเคยขาย ขนุนสด กิโลกรัมละ 2 บาท บางครั้ง ก็ขายไม่ออก โดยเฉพาะขนุนที่มีตำหนิ ตกไซด์ ไม่ได้เกรด ต้องนำไปทิ้งหรือเป็นอาหารสัตว์ แต่พอนำมาแปรรูปเป็นขนุนทอดกลับขายดี ต้องหาซื้อขนุนในหมู่บ้านสัปดาห์ละ อย่างน้อย 2 ตัน นำมาแปรรูปส่งขายในพื้นที่ และต่างจังหวัด ทำให้กลุ่มมีรายได้
ด้านนางสาวโสภาพรรณ คล้อยมูล อายุ 59 ปี สมาชิก กล่าวว่า ก่อนที่ชาวบ้านจะผลิตขนุนทอด ออกขายจนเป็นที่รู้จัก ก็ทดลอง ทำอย่างอื่นมาแล้วหลายอย่าง แต่ก็มาประสบความสำเร็จที่ขนุนทอดที่ชาวชุมชนปลูกแทบทุกบ้าน เริ่มจากการลองผิดลองถูก และเดินทางไปศึกษาดูงานจากที่อื่น มาปรับปรุงพัฒนา จนได้สูตร สำเร็จ คือการนำขนุนพันธ์ทองประเสริฐ สุก 70% ปลอกเปลือก เช็ดยางออกให้หมด ผ่าแกะเอาแต่เนื้อ เข้าเครื่องหั่น ผึ่งแห้ง จากนั้นนำลงทอดในน้ำมันร้อนพอดี พอเหลืองตักขึ้นผึ่ง ซับน้ำมัน ก่อนใส่ถุง ก็ปรุงรสต่างๆ ส่วนเคล็ดลับ ของขนุนทอดกลุ่ม บ้านโป่งสะท้อน มีเทคนิคเฉพาะ คือต้องใช้ขนุนสด ตัดจากต้น แล้วต้องนำมาผ่าทอดทันที นอกจากนี้ ยังมีรสชาติต่างๆให้เลือก หลายรส เช่น รส ชีส ดั้งเดิม บาบีคิว พิซซ่า ปาปิก้า และที่ขายดีมากคือรส สไปซี่ เพราะอร่อยเหมือนมันฝรั่งยี่ห้อดัง ยิ่งกินยิ่งเพลิน จึงขายดีมาก
ขนุนทอด ของกลุ่มบ้านโป่งสะท้อน เป็นสินค้าขายดีเพราะความกรอบ และมีหลายรสชาติ ขายห่อละ 35 บาท ทำให้แม่บ้านมีอาชีพ อีกทั้งผลผลิตทางการเกษตรก็มีราคา เนื่องจากขนุนทอด เลือกใช้ลูกที่ตกไซด์ มีตำหนิ ใช้เนื้อขนุนทอด เม็ดนำไปเพาะขยายพันธ์ ส่วนเปลือกและซังขาย เป็นอาหารสัตว์ จึงใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เป็นการเพิ่มมูลค่า สร้างความเข้มแข็งจากภายในระดับฐานรากสุดของระบบเกษตรกรรมของประเทศ
อัจฉรา วิเศษศรี จ.ระยอง
